สถานที่เกิดเหตุ (Reuters)

ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานทวีความตึงเครียดมากขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ อินเดียได้เปิดการโจมตีทางอากาศใส่ค่ายฝึกของกลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Mohammad ในเขตแคชเมียร์  ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของปากีสถาน รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ศุษมา สวราช ได้ย้ำว่า การตัดสินใจโจมตีก็เนื่องจากปากีสถานไม่มีปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย และมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า กลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Mohammad กำลังวางแผนการทำการโจมตีใส่อินเดีย

ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับอินเดียมีความตึงเครียด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน อิมราน คาน ได้เสนอให้มีการเจรจาสันติภาพกับอินเดียอีกครั้ง โดยยืนยันว่า ปากีสถานมีความประสงค์เห็นสันติภาพและพร้อมร่วมมือกับอินเดียและขอความร่วมมือให้กองทัพปากีสถานระงับการตอบโต้จนกว่าจะประเมินความเสียหายจากการโจมตีดังกล่าวเสร็จ และเตือนว่า ถ้าหากปล่อยให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดต่อไป สถานการณ์จะอยู่เนอเหนือการควบคุมของตน รวมทั้งของนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี

ในวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้เรียกอุปทูตปากีสถาน Syed Haider เข้าพบเพื่อมอบหนังสือประท้วงการกระทำของทางการอิสลามาบัด รวมทั้งการที่กองทัพอากาศปากีสถานละเมิดน่านฟ้าของอินเดียและทหารปากีสถานโจมตีใส่สถานที่ทางทหารของอินเดียบริเวณเส้นแบ่งควบคุม LoC

นายกรัฐมนตรีปากีสถาน อิมราน คาน (THX)

ในสภาวการณ์ดังกล่าว  นาย อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้เรียกร้องให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศใช้ความอดกลั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความตึงเครียดเลวร้ายมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียใต้และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น เช่นสหรัฐ อังกฤษ รัสเซีย จีน อิหร่าน ตุรกี แคนาดา เยอรมนี เนปาล และสหภาพยุโรปโดยได้เรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานแก้ไขความขัดแย้งผ่านมาตรการทางการทูตเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้แก่ทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังสร้างความเสียหายต่อประเทศเพื่อนบ้านและประชาคมโลกอีกด้วย.