ประธานประเทศยื่นหนังสือเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของมนุษย์ต่อรัฐสภา

(VOVworld) - การให้สัตยาบันในช่วงเวลานี้ของรัฐเวียดนามมีความสำคัญมากเพราะเป็นการ ปฏิบัติตามคำมั่นของเวียดนามและสร้างพื้นฐานให้แก่การเพิ่มการสนทนาเกี่ยว กับสิทธิมนุษยชน
ประธานประเทศยื่นหนังสือเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของมนุษย์ต่อรัฐสภา  - ảnh 1
ประธานประเทศยื่นหนังสือเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วย
สิทธิของมนุษย์ต่อรัฐสภา
(VOVworld) – ในการประชุมรัฐสภาเวียดนามครั้งที่ 8 สมัยที่ 13 เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศเวียดนามได้ยื่นเสนอหนังสือเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของคนพิการ โดยยืนยันว่า อนุสัญญาฉบับนี้ของสหประชาชาติได้รับการอนุมัติจากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมปี 2006 ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของคนพิการ เวียดนามได้ลงนามอนุสัญญาฉบับนี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมปี 2007 และการให้สัตยาบันครั้งนี้ถือเป็นการเสร็จสิ้นระเบียบการเพื่อให้เวียดนามกลายเป็นภาคีของอนุสัญญาฯอย่างเป็นทางการ “การให้สัตยาบันในช่วงเวลานี้ของรัฐเวียดนามมีความสำคัญมากเพราะเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นของเวียดนามและสร้างพื้นฐานให้แก่การเพิ่มการสนทนาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและการแลกเปลี่ยนกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน การให้สัตยาบันอนุสัญญาฯครั้งนี้จะเป็นคำมั่นทางการเมืองที่เข้มแข็งของเวียดนามในการปกป้องและผลักดันการพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ของคนพิการ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานทางนิตินัยให้เวียดนามยืนยันจุดยืนของตนต่อโลกในด้านคนพิการและสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งมีความหมายสำคัญในขณะที่เวียดนามได้เป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2014-2016”
สำหรับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการปฎิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ประธานประเทศเวียดนามยืนยันว่า นี่คืออนุสัญญาระหว่างประเทศพหุภาคีที่สำคัญเกี่ยวกับสิทธิของมนุษย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้ที่ใฝ่สันติภาพทั่วโลกในการยุติการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้ รัฐบาลขอเสนอให้ชลอเนื้อหาของมาตราที่ 20 และข้อที่ 1 ในมาตราที่ 30 ของอนุสัญญาฉบับนี้ ท่านเจืองเติ๊นซางเผยว่า “เวียดนามประกาศว่าจะไม่ใช้ข้อกำหนดต่างๆของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีโดยตรง แต่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของเวียดนามบนพื้นฐานของข้อตกลงทวิภาคีและพหุภาคีกับต่างประเทศและบนหลักการเอื้อประโยชน์ต่อกัน เวียดนามไม่ถืออนุสัญญาฉบับนี้เป็นพื้นฐานทางนิตินัยโดยตรงเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามข้อกำหนดในข้อที่ 2 มาตราที่ 8 ของอนุสัญญาฯ การส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นจะปฏิบัติตามกฎหมายของเวียดนามบนพื้นฐานของข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เวียดนามได้ลงนามเป็นภาคีและหลักการเอื้อประโยชน์ต่อกัน”
ในการหารือเกี่ยวกับเนื้อหาที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันของร่างกฎหมายประกันสังคมฉบับแก้ไข ผู้แทนรัฐสภาหลายคนได้เห็นพ้องกับแนวทางการขยายขอบเขตบุคคลที่ต้องบังคับซื้อประกันสังคมให้แก่แรงงานที่ทำงานตั้งแต่ 1 เดือนถึง 3 เดือนเพื่อหลีกเลี่ยงการไม่จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมของบริษัทต่างๆผ่านการทำสัญญาจ้างงานไม่เกิน 3 เดือน แต่เพื่อรักษาประสิทธิผลของนโยบายนี้ สำนักงานบริหารภาครัฐ องค์การแรงงาน องค์การประกันสังคมเวียดนามและทางการปกครองท้องถิ่นต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์และมีมาตรการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สถานประกอบการและแรงงานปฏิบัติตาม
สำหรับแนวทางเพิ่มจำนวนผู้ที่เข้าร่วมประกันสังคมโดยสมัครใจภาครัฐจะสนับสนุนเงินให้ร้อยละ 10 ผู้แทนรัฐสภาหลายคนแสดงความคิดเห็นว่า ข้อกำหนดนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเสมอภาคและอำนวยความสะดวกให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติงานในตำบลและเขตแขวงอย่างขยันหมั่นเพียรและดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้สมัครทำงานในตำบลและเขตแขวงมากขึ้น./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด