เลขาธิการใหญ่ไอป้า เหงียนเตื่องเวิน (vietnamplus)

นี่เป็นกิจกรรมการต่างประเทศพหุภาคีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประธานสภาแห่งชาติสมัยที่ 15

ในการเข้าร่วมการประชุมไอป้าครั้งที่ 42 ในหัวข้อ "พัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือของรัฐสภาในด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2025" นาย เวืองดิ่งเหวะ ประธานสภาแห่งชาติจะส่งสาส์นถึงเพื่อนมิตรในภูมิภาคและประชาคมโลกเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่มีเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง สภาแห่งชาติเวียดนามมีความรับผิดชอบ กระตือรือร้นและเป็นฝ่ายรุกในความร่วมมือระหว่างรัฐสภาพหุภาคีในภูมิภาคและเดินพร้อมกับรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การป้องกันและควบคุมโควิด-19

ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับบทบาทและการมีส่วนร่วมของสภาแห่งชาติเวียดนามในกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ของไอป้า เลขาธิการใหญ่ไอป้า เหงียนเตื่องเวิน ได้ย้ำว่า ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของภูมิภาค สภาแห่งชาติเวียดนามต่างมีปฏิบัติการอย่างทันท่วงที ร่วมมือกับรัฐสภาของประเทศสมาชิกไอป้าเพื่อมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาค

ในความพยายามเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างองค์การรัฐสภาอาเซียนหรือAIPO เมื่อก่อนซึ่งปัจจุบันคือไอป้าและอาเซียน สภาแห่งชาติเวียดนามก็เป็นผู้ริเริ่มเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นระหว่างสำนักงานนิติบัญญัติกับสำนักงานบังคับใช้กฎหมาย

 ในการประชุมสมัชชาใหญ่ AIPO-23 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี 2002 ณ กรุงฮานอย ในฐานะประธาน AIPO เวียดนามได้เชิญเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมการประชุมซึ่งป็นหนึ่งในมาตรการผลักดันความร่วมมือระหว่าง AIPO /AIPA และอาเซียน นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความคิดริเริ่มที่จะเชิญสหภาพรัฐสภาระหว่างประเทศหรือ IPU เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ กิจกรรมเหล่านี้ต่อมาได้กลายเป็นบรรทัดฐานและถูกระบุในระเบียบการเป็นสมาชิก AIPO นี่เป็นก้าวเดินที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในกระบวนการนำ AIPO/AIPA ผสมผสานเข้ากับกระแสโลก นอกจากนั้น สภาแห่งชาติเวียดนามยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงใหม่และยกระดับคุณภาพกิจกรรมของคณะเลขาธิการไอป้า

ตามความเห็นของเลขาธิการใหญ่ไอป้า เหงียนเตื่องเวิน นิมิตหมายนี้แสดงให้เห็นว่า สภาแห่งชาติเวียดนามได้มีส่วนร่วมที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ AIPO/AIPA ผ่านกิจกรรมเหล่านี้ เวียดนามได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความสามัคคีและความเป็นเอกภาพในไอป้า ส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค ส่งผลดีต่อนโยบายและการบังคับใช้กฎหมายของประเทศในกลุ่มอาเซียน.