สร้างสรรค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สันติภาพ เจริญรุ่งเรืองและมีบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน
(VOVWORLD) -เมื่อบ่ายวันที่ 12 กันยายน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศฝามบิ่นมินห์และเลขาธิการอาเซียน Lim Jock Hoi ได้ร่วมเป็นประธานการประชุมแถลงข่าวจากกรุงฮานอยและกรุงจาการ์ต้าเกี่ยวกับผลการประชุมเอเอ็มเอ็ม 53และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศฝามบิ่นมินห์ได้เผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนครั้งที่53 (AMM 53)และการประชุมที่เกี่ยวข้องที่จัดขึ้นผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ตั้งแต่วันที่9-12กันยายนได้ประสบความสำเร็จอย่างดีงามโดยได้มีการอนุมัติเอกสาร42ฉบับ ซึ่งที่น่าสนใจคือแถลงการณ์ร่วมของเอเอ็มเอ็ม53 แผนปฏิบัติการฮานอยIIของฟอรั่มเออาเอฟ (ARF) ซึ่งที่ประชุมได้เห็นพ้องกับข้อเสนอต่างๆของเวียดนามโดยในที่ประชุมครั้งนี้ เวียดนามได้เสนอข้อคิดริเริ่ม10 เช่นแถลงการณ์ฮานอยรำลึก15 ปีวันจัดตั้งฟอรั่มเอเชียตะวันออก(EAS) แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน+3 เป็นต้น
บรรดาประเทศอาเซียนได้ยืนยันคำมั่นปฏิบัติเป้าหมายที่ได้รับความสนใจก่อนเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัวของปีอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนบนสามเสาหลักอย่างเข้มแข็ง ตลอดจนหารือมาตรการเพื่อสร้างแนวทางการพัฒนาในระยะใหม่ ยืนยันความมุ่งมั่นธำรงภูมิภาคที่สันติเพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค เกี่ยวกับปัญหาโรคโควิด-19 ประเทศต่างๆได้เห็นพ้องวิธีการเข้าถึงของอาเซียนในการรับมือโรคระบาด รักษาความร่วมมือและส่งเสริมข้อคิดริเริ่มต่อต้านโควิด-19
ในการหารือปัญหาทะเลตะวันออก ที่ประชุมได้ยืนยันจุดยืนร่วมของอาเซียนคือความสำคัญและผลประโยชน์ของสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก นี่คือผลประโยชน์ร่วมของทุกประเทศและได้รับการสนับสนุนจากประเทศหุ้นส่วน บรรดารัฐมนตรีได้ยืนยันว่าต้องผลักดันการสนทนาและกระชับการสร้างความไว้วางใจ ใช้ความอดกลั้นในการปฏิบัติเพื่อไม่สร้างความตึงเครียดและเพิ่มความซับซ้อนให้แก่สถานการณ์ แก้ไขปัญหาอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากลรวมทั้ง UNCLOS 1982
ส่วนเลขาธิการอาเซียน Lim Jock Hoi ได้กล่าวย้ำถึงความพยายามของประเทศอาเซียนในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งร่างแผนการฟื้นฟูแบบบูรณาการที่จะยื่นเสนอต่อที่ประชุมระดับสูงครั้งที่37ที่จะมีีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยแบ่งเป็นสามระยะคือ หนึ่งเปิดแนวชายแดนเพื่อค้ำประกันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สองคือการฟื้นฟูและสามคือมาตรการค้ำประกันการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อเตรียมยุทธศาสตร์รับมือในระยะต่อไปและผลักดันการพัฒนาดิจิทัล.