เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่มุ่งสู่อนาคต

(VOVworld) – ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า เวียดนามให้ความสำคัญและมีความปรารถนาร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีผลักดันความ ร่วมมือในทุกด้านอย่างกว้างลึก ยั่งยืน จริงจังและนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

 เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่มุ่งสู่อนาคต - ảnh 1
นาย ลีเมียงบัค อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี-ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรี

(VOVworld) –ในการกล่าวปราศรัยในพิธีต้อนรับนาย ลีเมียงบัค อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีในวันที่ 21 ตุลาคมที่สถานรับรองแขกเมืองของรัฐบาล ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า เวียดนามให้ความสำคัญและมีความปรารถนาร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีผลักดันความร่วมมือในทุกด้านอย่างกว้างลึก ยั่งยืน จริงจังและนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศซึ่งในนั้นเน้นถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านการเมือง การทูต การป้องกันประเทศ-ความมั่นคง ความร่วมมือเกี่ยวกับแรงงาน วัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า จากความพยายามของทั้งสองฝ่าย เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีจะเสร็จสิ้นการเจรจาโดยเร็วและลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอในปลายปี 2014 ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและสถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายพัฒนาอย่างสะดวก ส่วนนาย ลีเมียงบัค ได้แสดงความเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับเวียดนามคือตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่มุ่งสู่อนาคตเนื่องจากทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การลงทุนและการค้าเท่านั้น หากยังสร้างสรรค์ความเห็นอกเห็นใจและความผูกพันบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาในอนาคตของสาธารณรัฐเกาหลี อีกทั้งแสดงความเห็นว่า การที่สาธารณรัฐเกาหลีเลือกเวียดนามเป็นหุ้นส่วนถือเป็นการเลือกที่ถูกต้อง นาย ลีเมียงบัค ยังเผยว่า สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการแสวงหาโอกาสการลงทุนในเวียดนามโดยในคณะที่เดินทางมาเยือนเวียดนามครั้งนี้ยังมีตัวแทนของสถานประกอบการในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูง นาย ลีเมียงบัคได้แสดงความปรารถนาว่า รัฐบาลเวียดนามจะให้การช่วยเหลือสถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีลงทุนในเวียดนามต่อไป พร้อมทั้งแสดงความหวังว่า เอฟทีเอซึ่งเป็นข้อตกลงที่ตนและนายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้เจรจาจะได้รับการลงนามโดยเร็วเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด