ความพยายามแก้ปัญหาความยากจนของตำบล ลองเหียบที่มีชนเผ่าเขมรอาศัยเป็นจำนวนมาก
Sa Oanh-Hồng Vân -  
(VOVworld) – เมื่อก่อน ลองเหียบเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นตำบลยากจนที่สุดของอำเภอจ่ากู๊ จังหวัดจ่าวิง เมื่อปี 2009 อัตราครอบครัวยากจนของชนเผ่าเขมรในตำบลสูงถึงร้อยละ 41 แต่ในรอบ 5 ปีมานี้ ตำบล ลองเหียบกลายเป็นตำบลตัวอย่างในการแก้ปัญหาความยากจนและสร้างสรรค์ชนบทใหม่ จากการลดอัตราครอบครัวยากจนลงเหลือเพียงร้อยละ 29
(VOVworld) – เมื่อก่อน ลองเหียบเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นตำบลยากจนที่สุดของอำเภอจ่ากู๊ จังหวัดจ่าวิง เมื่อปี 2009 อัตราครอบครัวยากจนของชนเผ่าเขมรในตำบลสูงถึงร้อยละ 41 แต่ในรอบ 5 ปีมานี้ ตำบล ลองเหียบกลายเป็นตำบลตัวอย่างในการแก้ปัญหาความยากจนและสร้างสรรค์ชนบทใหม่จากการลดอัตราครอบครัวยากจนลงเหลือเพียงร้อยละ 29
ในรอบ 5 ปีมานี้ ตำบล ลองเหียบกลายเป็นตำบลตัวอย่างในการแก้ปัญหาความยากจนและสร้างสรรค์ชนบทใหม่
|
ตำบลลองเหียบคือตำบลที่มีประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ 83 ของประชากรและเป็นหนึ่งในตำบลที่มีอัตราครอบครัวยากจนมากที่สุดของจังหวัดจ่าวิงซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่ชาวบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวยากจนขาดความมุ่งมั่นเพื่อหลุดพ้นจากความยากจนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ในสภาวการณ์ดังกล่าว ทางการท้องถิ่นได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่องานด้านการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจน ปลุกเร้าจิตสำนึกเกี่ยวกับการพึ่งพาตนเองเพื่อสร้างฐานะ นาย แถกเลน ในหมู่บ้าน จ่าเซิตเอซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวที่หลุดพ้นจากความยากจนได้เผยว่า จากการเข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการปลูกพืชเขาจึงใช้ที่ดินรอบๆบ้านเพื่อปลูกแตงกวา มะระและฟักเขียวซึ่งสร้างรายได้ตั้งแต่ 5-7 ล้านด่งต่อเดือน นาย แถกเลนได้เผยว่า“การปลูกพืชไม่ยาก พื้นที่ปลูกพืชกว่า 500 ตารางเมตรสามารถสร้างรายได้ 10-12 ล้านด่ง ถ้าหากเก็บผลผลิตดีในเวลาที่เหมาะสมและไม่มีฝนตกสามารถเก็บผลผลิตได้ถึง 2 เดือน พ่อค้าคนกลางมาซื้อสินค้าหน้าฟาร์มเลย”
ภายใต้แนวทางช่วยเหลือทางเทคนิกให้คนจนรู้จักวิธีทำกินเพื่อหลุดพ้นจากความยากจนด้วยตนเอง ทางตำบลได้เน้นถึงการเผยแพร่รูปแบบการปลูก การเพาะเลี้ยง การใช้มาตรการเปลี่ยนพันธุ์พืชและสัตว์ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของท้องถิ่นและส่งเสริมให้ชาวบ้านเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างกันในการพัฒนาการผลิต ดังนั้นผลผลิตจึงเพิ่มขึ้นซึ่งช่วยให้ชาวบ้านมีเงื่อนไขพัฒนาการผลิตเพื่อหลุดพ้นจากความยากจน หลังจากทางการท้องถิ่นอำนวยความสะดวกให้เข้าร่วมการฝึกอบรมด้านเทคนิคและได้กู้เงินด้วยดอกเบี้ยต่ำ 4 ล้านด่ง นาย กิมแทงได้เช่าที่ดินเพื่อปลูกพืชซึ่งจากการไม่มีที่ดินเพื่อปลูกพืช จนถึงขณะนี้ เขาสามารถซื้อที่ดินได้เกือบ 1 พันตารางเมตร นาย กิมแทงได้แสดงความเห็นว่า“ผมรู้สึกดีใจมากเมื่อได้กู้เงินและตั้งใจใช้เงินอย่างคุ้มค่าโดยซื้อพันธุ์แตงโมและแตงกวาเพื่อสร้างรายได้เพราะคิดว่า หลังจากได้รับการช่วยเหลือ ตนต้องทำเช่นไรเพื่อเลี้ยงครอบครัวและไม่ทำให้ความช่วยเหลือของทางการท้องถิ่นนั้นเสียเปล่า”
เพื่อให้งานด้านการแก้ปัญหาความยากจนได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ทางการตำบลลองเหียบได้ปฏิบัติโครงการให้การช่วยเหลือต่างๆของส่วนกลางโดยในรอบ 3 ปีมานี้ ทางตำบลได้ลงทุน 3 หมื่น 4 พันล้านด่งเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาการผลิตโดยก่อสร้างโรงเรียน ระบบคมนาคมชนบท คลินิคตรวจรักษาโรค ตลาดและระบบชลประทาน นอกจากนั้น ทางตำบลยังใช้เงินกว่า 4 พันล้านด่งเพื่อให้การช่วยเหลือที่อยู่อาศัยให้แก่ครอบครัวยากจน 470 ครอบครัวตามมติ 67 ของนายกรัฐมนตรีซึ่งทุกการตัดสินใจนี้ได้มีส่วนร่วมลดอัตราครอบครัวยากจนลงเหลือเพียงร้อยละ 7ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งครอบครัวส่วนใหญ่ได้รับการประเมินว่าได้หลุดพ้นจากความยากจนอย่างยั่งยืน ที่ตำบลลองเหียบ ไม่มีชาวบ้านที่ใช้เงินกู้ไม่ถูกต้องตามเป้าหมายหรือประสบอุปสรรค์ในการคืนเงินให้แก่ธนาคารเหมือนเมื่อก่อน นาย เลฟุกเหวะ ประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลลองเหียบ อำเภอ จ่ากู๊ ได้เผยว่า“ตามมติของอำเภอ ทุกปีจะลดอัตราครอบครัวยากจนร้อยละ 4 แต่ท้องถิ่นได้พยายามลดอัตราครอบครัวยากจนตั้งแต่ร้อยละ 7-8 โดยตั้งแต่ต้นปี ทางท้องถิ่นได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แนะนำให้ครอบครัวยากจนสร้างฐานะ เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างงานทำ ฝึกสอนอาชีพ ให้ประชาชนกู้เงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขาพัฒนาการผลิต”
จากการมีขั้นตอนที่เหมาะสม ทางท้องถิ่นและประชาชนในตำบลลองเหียบได้ค่อยๆเปลี่ยนแปลงภาพชนบทของอำเภอเขตทุรกันดารจ่ากู๊ การบรรลุมาตรฐานต่างๆของตำบลชนบทใหม่ในปลายปี 2015 จะกลายเป็นความจริงในไม่ช้านี้./.
Sa Oanh-Hồng Vân