ปรับปรุงการดำรงชีวิตให้แก่สตรีชนกลุ่มน้อยในบวนโห่ จังหวัดดั๊กลั๊ก

(VOVWORLD) -สนับสนุนให้เกษตรกร โดยเฉพาะสตรีและชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ การดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน คือเป้าหมายหลักของโครงการ “ก้าวรุดหน้า ดำรงชีวิตที่ยั่งยืน” ขององค์กรแคร์นานาชาติ - ประเทศเวียดนามและหุ้นส่วนต่างๆ ซึ่งกำลังได้รับการปฏิบัติในอำเภอเมืองบวนโห่ จังหวัดดั๊กลั๊ก เพื่อสนับสนุนให้สตรีชนกลุ่มน้อยเข้าถึงวิธีใหม่ๆในการเลี้ยงสัตว์และการผลิตอย่างยั่งยืน
ปรับปรุงการดำรงชีวิตให้แก่สตรีชนกลุ่มน้อยในบวนโห่ จังหวัดดั๊กลั๊ก - ảnh 1โครงการ “ก้าวรุดหน้า  ดำรงชีวิตที่ยั่งยืน” แนะนำวิธีการเลี้ยงสัตว์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่สตรีชนกลุ่มน้อย

ครอบครัวนาง ฮรุง มโล ในหมู่บ้าน อีอา กยอ เอ ตำบล อีเอ ดรง อำเภอเมืองบวนโห่ เป็นหนึ่งในครอบครัวยากจนในท้องถิ่น โดยเธอไม่มีที่ดินทำการเกษตรจึงต้องหางานทำตามฤดูกาลเพื่อเลี้ยงดูลูกในวัยเรียนสองคน ดังนั้น ทางการปกครองท้องถิ่นได้ให้การช่วยเหลือวัวตัวเมีย 1 ตัวและแพะพ่อพันธุ์ 1 คู่ ควบคู่กันนั้น โครงการ “ก้าวรุดหน้า ดำรงชีวิตที่ยั่งยืน” ก็แนะนำวิธีการเลี้ยงสัตว์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่เธอ

“เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อสร้างฐานะแต่ตอนนี้ การเลี้ยงวัวและแพะได้ช่วยให้ครอบครัวของดิฉันมีรายได้เสริม”

โครงการ “ก้าวรุดหน้า - ดำรงชีวิตที่ยั่งยืน” ที่สนับสนุนนาง ฮรุง มโล คือโครงการขององค์การแคร์นานาชาติ - ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่สำคัญในการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินและโครงการพัฒนาระหว่างประเทศระยะยาว โดยแคร์นานาชาติ – ประเทศเวียดนามได้ประสานงานกับศูนย์พัฒนาชุมชนและนักอุปถัมภ์ต่างๆ ปฏิบัติโครงการนี้ในอำเภอเมืองบวนโห่ จังหวัดดั๊กลั๊ก เนื่องจากเป็นท้องถิ่นที่มีศัยภาพสูงในการพัฒนาการเกษตรและมีชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่จำนวนมาก นาง หวูลานเฮือง ผู้ดูแลโครงการของแคร์นานาชาติ – ประเทศเวียดนามได้เผยว่า ในความเป็นจริง ชนกลุ่มน้อยส่วนใหญ่ยากที่จะเข้าถึงการสนับสนุนด้านการผลิตและตลาดเพื่อพัฒนาฐานะ ดังนั้น ทางโครงการฯ จึงได้เน้นให้การช่วยเหลือ

“หนึ่งคือ เราเน้นถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องถึงการเพิ่มทักษะความสามารถในการพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ สองคือ เราช่วยประชาชนยกระดับทักษะความสามารถในการบริการการเงินและเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ เพื่อสนับสนุนการผลิต ซึ่งปัจจัยที่สำคัญเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนคือต้องเข้าถึงตลาด ต้องขายสินค้าให้ได้ ควบคู่กันนั้น ก็ต้องส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกในชุมชน ผลักดันเสียงพูดและบทบาทของสตรีในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตและการจำหน่ายสินค้า”

ในตลอด 2 ปีที่ปฏิบัติ โครงการฯคือระหว่างปี 2023-2024 ได้มีการเน้นผลักดันการพัฒนาอาชีพที่สามารถช่วยให้เกษตรกรสามารถดำรงชีวิตได้ โดยเฉพาะสตรีชนกลุ่มน้อยในตำบลอีอา ดรง และตำบล กือบาว อำเภอเมืองบวนโห่ ซึ่งเป็นตำบล 2 แห่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำการเกษตรและประชากรกว่าร้อยละ 80 เป็นชนกลุ่มน้อยที่มีความได้เปรียบในการเลี้ยงวัวและแพะ นาย หวอวันซือ หัวหน้าสำนักงานเศรษฐกิจของอำเภอเมืองบวนโห่ กล่าวว่า

“สภาพพื้นที่ในบวนโห่ โดยเฉพาะในตำบลสองแห่งดังกล่าวเอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์ 2 ชนิดดังกล่าว โดยเฉพาะราคาขายแพะในตลาดสูงมากและเสถียรภาพ ดังนั้น นี่คือโครงการที่เหมาะสมกับตำบลสองแห่งนี้ ส่วนทางการปกครองก็เชื่อมั่นว่า โครงการจะช่วยให้ชาวบ้านตระหนักได้ดีเกี่ยวกับคุณค่าของการเพาะเลี้ยงเพื่อมีส่วนร่วมแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น และจะมีการขยายผลโครงการนี้ต่อไป”

ในอำเภอเมืองบวนโห่มีประชากรกว่า 113,000 คน มี 22 ชาติพันธุ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร แต่ในหลายปีที่ผ่านมา การผลิตเกษตรในท้องถิ่นยังคงมีขึ้นตามรูปแบบเก่าและกระจัดกระจาย ซึ่งยังไม่มีการเชื่อมโยงในเชิงลึกหรือเครือข่ายสินค้าหลัก ดังนั้น การปฏิบัติโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับทักษะความสามารถให้แก่เกษตรกรเท่านั้น หากยังยกย่องบทบาทและสถานะของสตรีชนกลุ่มน้อยอีกด้วย คาดว่า หลังสองปีที่ปฏิบัติ โครงการฯ จะมีส่วนช่วยปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ชาวบ้านประมาณ 15,000 คนและนำคุณค่ามาให้แก่ชุมชนมากขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด