บรรยากาศความฮึกเหิมของการปฏิวัติ ในเดือนสิงหาคมได้ซึมซับเข้าสู่ในดนตรีของเวียดนาม
Lan Anh - VOV5 -  
( VOVworld ) - การปฏิวัติที่ประสบชัยชนะในเดือนสิงหาคมปี ๑๙๔๕ เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงระยะหัวเลี้ยวหัวต่ออันยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของชาติเวียดนาม ตั้งแต่นั้นมา ประวัติศาสตร์ดนตรีของเวียดนามก็ได้รับอิทธิพลจากการปฏิวัติซึ่งได้ก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยผู้ที่ทำงานด้านดนตรีก่อนการปฏิวัติเดือนสิงหาคมต่างยินดีเข้าร่วมการปฏิวัติด้วยการสร้างผลงานใหม่รวมทั้งบทเพลงแนวใหม่ๆที่ได้รับการประพันธ์ในช่วงนี้เช่น บทเพลงยกย่องระบอบใหม่ ชีวิตใหม่ ประธานโฮจิมินห์ที่รักยิ่งและการปฏิวัติช่วยชุบชีวิตให้แก่ประชาชน
( VOVworld ) - การปฏิวัติที่ประสบชัยชนะในเดือนสิงหาคมปี ๑๙๔๕ เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงระยะหัวเลี้ยวหัวต่ออันยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของชาติเวียดนาม ตั้งแต่นั้นมา ประวัติศาสตร์ดนตรีของเวียดนามก็ได้รับอิทธิพลจากการปฏิวัติซึ่งได้ก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยผู้ที่ทำงานด้านดนตรีก่อนการปฏิวัติเดือนสิงหาคมต่างยินดีเข้าร่วมการปฏิวัติด้วยการสร้างผลงานใหม่รวมทั้งบทเพลงแนวใหม่ๆที่ได้รับการประพันธ์ในช่วงนี้เช่น บทเพลงยกย่องระบอบใหม่ ชีวิตใหม่ ประธานโฮจิมินห์ที่รักยิ่งและการปฏิวัติช่วยชุบชีวิตให้แก่ประชาชน
|
นักดนตรีวันกาวที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม |
ก่อนหน้านี้ ๖๗ ปี ชาวเวียดนามทุกคนได้ทำการลุกขึ้นสู้ทั่วประเทศ ซึ่งคนฮานอยได้ทำการลุกขึ้นสู้ก่อนท้องถิ่นอื่นๆ โดยบ่ายวันที่ ๑๗ สิงหาคมปี ๑๙๔๕ ชาวนครหลวงได้พากันมาชุมนุนอย่างคับคั่ง ณ จตุรัสหญ่าฮ้าตเลิ้นหรือโรงละครใหญ่เพื่อสนับสนุนรัฐบาลของเจิ่นจ๋องกีมที่จัดโดยสมาคมข้าราชการ ซึ่งขณะนั้นได้ปรากฎธงแดงดาวเหลืองผืนใหญ่ของทางการปฏิวัติที่ระเบียงของโรงละครใหญ่ เหตุการณ์นี้ได้สร้างความปิติยินดีให้กับมวลชนอย่างล้นพ้น ในช่วงนั้นได้ปรากฎบทเพลงหลายบทอันเป็นการปลุกขวัญให้กำลังใจประชาชนทั่วประเทศลุกขึ้นยึดอำนาจเก่า ซึ่งโดดเด่นคือเพลง เตี๊ยนกวนกาหรือ ยาตราทัพของนักประพันธ์ดนตรีวันกาวที่แต่งเมื่อปลายปี ๑๙๔๔ ซึ่งเพลงบทนี้ได้ดังขึ้นทั่วทุกตรอกซอกซอยของกรุงฮานอยในวันที่ ๑๙ สิงหาคม หรือเพลงกุ่งเญาดีห่งบิงหรือร่วมกันปราบปรามศัตรูของนักประพันธ์ดนตรีดิ่งญูที่บรรยายถึงบรรยากาศอันฮึกเหิมและหาญกล้าของขบวนการโซเวียด-เหง่ติ๋งเมื่อปี ๑๙๓๐ นักดนตรีแทงตุ่งของสถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนามเผยว่า “ ต่อจากผลงานของนักดนตรีดิ่งญูได้มีบทเพลงหลายบทเกี่ยวกับการปฏิวัติของประเทศ ซึ่งก่อนอื่นก็เพื่อปลุกขวัญจิตใจของประชาชนในการเข้าร่วมการปฏิวัติในเดือนสิงหาคมไม่ว่าจะเป็นเพลง ซูกิ๊กกาหรือเสียงเพลงของทหารท้องถิ่นของนักดนตรีโด่หญวน เพลงมาร์ชกาเหงยแทนเนียนหรือสรรเสริญเยาวชนของนักดนตรีลิวหิวเฟือก เพลง ดว่านเหวก๊วกกวนหรือกองกำลังป้องกันประเทศของนักดนตรีฟานหวิ่งเดี๋ยว ปี ๑๙๔๕ มีเพลง ชาวฮานอย ของเหงวียนดิ่งทีและปี ๑๙๔๖ เพลงกลับสู่ฮานอยของฮุยซู บทเพลงเหล่านี้ได้สะท้อนแนวคิดอห่งการปฏิวัติ แนวคิดใหม่ๆอันเป็นการปลุกเร้าให้ทุกคนมุ่งสู่งานใหญ่ที่สำคัญของประเทศคือการยึดคืนอำนาจการปกครองจากระบอบเก่าเพื่อเอกราชของประเทศ ”
|
นักประพันธ์ดนตรีลิวหิวเฟือก |
การปฏิวัติในเดือนสิงหาคมเสมือนสายลมใหม่ที่ทำให้เปลวเพลิงแห่งการต่อสู้ชัชวาลย์ขึ้น ทำให้นักประพันธ์ดนตรีได้หันมาแต่งบทเพลงที่ยกย่องการปฏิวัติที่อมตะแทนเพลงเกี่ยวกับความรักที่เคยแต่งมาแล้ว ซึ่งเห็นได้จากผลงานของนักประพันธ์ดนตรีที่มีชื่อเสียงของประเทศได้แก่ วันกาว เหงวียน ดิ่ง ที ในบทเพลง ยาตราทัพ นักรบเวียดนามและเพลงปราบฟาสซิสต์ ซึ่งเพลงมาร์ช ปราบฟาสซิสต์ได้เข้าสู่บรรยากาศของบทเพลงต่อต้านฟาสซิสต์หลายบทของโลก และได้กลายเป็นเพลงกริ่นเริ่มต้นของสถานีวิทยุเวียดนามจนถึงปัจจุบัน มีเพลงอีกบทที่ได้รับการขับร้องในช่วงเพิ่งทำการปฏิวัติที่บรรยายถึงลมหายใจใหม่ๆจากที่มั่นปฏิวัตินั่นคือ เสียงเพลงของทหารท้องถิ่นของนักดนตรีโด่หญวน เพลงมาร์ชนี้นักดนตรีโด่หญวนแต่งขึ้นในเรือนจำเซินลาเมื่อต้นปี ๑๙๔๕ ซึ่งได้เผยแพร่ในหมู่นักรบที่ทำการเคลื่อนไหวลับในนครหลวง และในวันที่ชาวฮานอยทำการลุกขึ้นสู้ พวกเขาก็ได้ร้องเพลงนี้ในขณะออกสู่ท้องถนนเดินสำแดงกำลัง
|
เพลง ๑๙ สิงหาคม |
เพลง ๑๙ สิงหาคม ของนักดนตรีซวนแอวง นับเป็นเพลงที่พิเศษเพราะได้รับการแต่งขึ้นในขณะที่เขาเข้าร่วมขบวนคนทำการลุกขึ้นสู้ในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ที่ออกสู่ท้องถนนเดินสำแดงกำลังจากวันเดี๋ยน ชาญนครหลวงมุ่งสู่ใจกลางเมือง บรรยากาศอันฮึกเหิมของวันนั้นได้บันดาลอารมณ์สุนทรีให้เขาแต่งบทเพลงมาร์ชนี้ นักดนตรีแทงตุ่งเผยต่อไปว่า “ บทเพลงเกี่ยวกับการปฏิวัติในเดือนสิงหาคมดังเช่นบทเพลง ๑๙ สิงหาคมของนักดนตรีซวนแอวงนั้นมีไม่มากนัก แต่ะมีความเป็นเพลงมาร์ชที่ชัดเจน บทเพลงประเภทนี้ได้สะท้อนชีวิตการปฏิวัติที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและความหิวโหยแต่เปี่ยมไปด้วยความรักในชีวิตปฏิวัติที่แจ่มใส ทำให้คนเรารู้สึกรักชีวิต ไม่ลังเลใจและกลายเป็นชีวิตเลือดเนื้อของตนเอง สร้างความมั่นใจในชัยชนะของการปฏิวัติ ”
|
นักประพันธ์ดนตรีซวนแอวง |
บทเพลงเหล่านี้ได้ดังขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกๆของการปฏิวัติ นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีงามของศิลปินที่เป็นนักรบ ศิลปินประชาชนแทงฮัวที่ชื่อเสียงของท่านได้ผูกพันกับเพลงปฏิวัติได้คุยกับพวกเราว่า ทุกครั้งที่ร้องเพลงแนวนี้ท่านรู้สึกเหมือนได้หวนกลับสู่บรรยากาศของการปฏิวัติในเดือนสิงหาคมก่อนหน้านี้ ๖๗ ปี “ สำหรับดิฉันนั้น เพลงปฏิวัติถือเป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของตัวเองจนสามารถร้องได้ไพเราะและได้รับการชื่นชมจากผู้ชมและผู้ฟังแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น เพลงเหล่านี้เป็นเพลงอมตะที่มีลมหายใจตราบเท่าทุกวันนี้และตลอดกาล เมื่อฟังเพลงปฏิวัติเราสามารถจินตนาการภาพเกี่ยวกับระยะหนึ่งของประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของประเทศที่ถูกทำลายอย่างหนักหน่วงจากฝีมือของศัตรู แต่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจที่มีต่อกันระหว่างทหารกับชาวบ้าน ความปรารถนาอันแรงกล้าให้ประเทศได้รับเอกราชกลับคืนมาของผู้ที่อยู่ในแนวหลังและแนวหน้า ”
จนถึงขณะนี้ บทเพลงแนวปฏิวัติดังกล่าวเช่น ยาตราทัพ ปราบฟาสซิสต์และ ๑๙ สิงหาคม ยังมีลมหายใจและยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวเวียดนามทุกคนเกี่ยวกับอนุสรณ์ในฤดูไม้ผลัดใบเดือนสิงหาคมปี ๑๙๔๕ ความลำบากยากเข็ญและความเสียสละของทหารและชาวเวียดนามในการขับไล่นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสเป็นเวลา ๙ ปี ซึ่งเพลงมาร์ชเหล่านี้เป็นเพลงที่ได้ประพันธ์ขึ้นในยุคโฮจิมินห์ซึ่งถือเป็นเพลงอมตะ ./.
Lan Anh - VOV5