(VOVworld) – ในระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคม ท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศแทนซาเนีย โมซัมบิกและอิหร่านอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเยือนนี้ได้สร้างความสำเร็จที่สำคัญและสร้างนิมิตรหมายแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับ 3 ประเทศดังกล่าวให้เข้าสู่ระยะแห่งความร่วมมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานประเทศเจืองเติ๊นซางเดินทางไปเยือนประเทศแทนซาเนียและโมซัมบิกและเป็นครั้งที่ 3 ที่เดินทางไปเยือนประเทศอิหร่าน นอกจากความหมายที่สำคัญด้านการเมืองและความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานและซื่อสัตย์แล้ว การเยือนครั้งนี้ยังเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับ 3 ประเทศนี้ให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่และทัดเทียมกับความสัมพันธ์ทางการเมืองที่มีมาช้านานและดีงาม
ผลงานที่เป็นรูปธรรม
ทั้งสามประเทศคือ แทนซาเนีย โมซัมบิกและอิหร่านต่างให้การต้อนรับคณะผู้แทนเวียดนามอย่างสมเกียรติ โดยในการพบปะหารือทุกครั้ง ประธานประเทศเจืองเติ๊นซางและผู้นำของทั้งสามประเทศต่างยืนยันว่า ความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ต้องรักษาและพัฒนา โดยเฉพาะในสภาวการณ์ปัจจุบัน เวียดนามและประเทศเหล่านี้ได้สรุปผลความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้า โดยเห็นพ้องกันว่า ศักยภาพความร่วมมือยังมีอีกมากซึ่งต้องผลักดันต่อไปในเวลาข้างหน้า ดังนั้นท่านเจืองเติ๊นซางและผู้นำของทั้งสามประเทศได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับความร่วมมือที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆและมาตรการที่จะเป็นพื้นฐานเพื่อขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี
เวียดนามให้คำมั่นว่า จะร่วมมือกับแทนซาเนียขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าขึ้นเป็น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกับโมซัมบิกอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐและอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020 สินค้าหลักที่สถานประกอบการเวียดนามต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการส่งออกไปยัง 3 ประเทศนี้ ประกอบด้วย ข้าว ผลิตภัณฑ์การเกษตร สัตว์น้ำ เสื้อผ้าและรองเท้า ส่วนสินค้าที่ส่งออกมายังเวียดนาม ประกอบด้วย มะม่วงหิมพานต์ อาหารสัตว์ ฝ้าย เศษโลหะ เครื่องเฟอร์นิเจอร์ ปุ๋ย พลาสติก เครื่องจักรและอุปกรณ์
ประธานประเทศเจืองเติ๊นซางและผู้นำของทั้งสามประเทศดังกล่าวต่างย้ำถึงบทบาทสำคัญของคณะกรรมการร่วมรัฐบาลและเรียกร้องให้เร่งจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาลโดยเร็วเพื่อระบุแนวทางและด้านที่ต้องมีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม คาดว่า ในปีนี้ จะมีการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาลเวียดนาม – โมซัมบิกครั้งที่ 4 ณ กรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก การประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาลเวียดนาม – อิหร่านครั้งที่ 9 ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่านและการประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาลเวียดนามแทนซาเนียครั้งที่ 2 ณ นครดาร์ เอส ซาลาม ประเทศแทนซาเนีย ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ – การค้า ในการเยือนครั้งนี้ เวียดนามและสามประเทศต่างยืนยันถึงการสนับสนุนกัน ขยายการพบปะทางการเมือง สนับสนุนกันในการลงสมัครเข้าดำรงตำแหน่งต่างๆในฟอรั่มระหว่างประเทศ แทนซาเนีย โมซัมบิกและอิหร่านได้ยืนยันว่า จะสนับสนุนเวียดนามสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 และคณะกรรมการกฎหมายระหว่างประเทศวาระปี 2017-2021
การเยือนครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้ประธานประเทศเจืองเติ๊นซางและผู้นำประเทศเหล่านี้หารือเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ รวมทั้งปัญหาการพิพาทอธิปไตยในทะเลตะวันออก ผู้นำทุกประเทศได้แสดงความคิดเห็นว่า การพิพาทด้านอธิปไตยนั้นเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคและโลก ทั้งสามประเทศต่างสนับสนุนทัศนะและจุดยืนที่จะแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจา ใช้กฎหมายสากลและหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เป็นพื้นฐานให้แก่การปฏิบัติต่อกันที่เกี่ยวข้องกับการพิพาทและการปะทะ

สร้างพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ในสภาวการณ์ใหม่
ในการเยือนแอฟริกาและตะวันออกกลางครั้งนี้ของประธานประเทศเวียดนามเจืองเติ๊นซาง ได้มีการลงนามในเอกสารร่วมมือที่สำคัญในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ธนาคารและปิโตรเลี่ยมเพื่อขยายความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับ 3 ประเทศดังกล่าวให้กว้างลึกมากขึ้น โดยที่แทนซาเนียและโมซัมบิก ทั้งสองฝ่ายได้ออกประกาศร่วมเกี่ยวกับผลการเยือนและวางหลักการทางการเมืองที่สำคัญเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่การขยายความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพที่มีมาช้านานในสภาวการณ์ใหม่
ในกรอบการเยือนแทนซานเนีย โมซัมบิกและอิหร่านของประธานประเทศเจืองเติ๊นซาง ได้มีการจัดฟอรั่มผู้ประกอบการต่างๆโดยมีผู้ประกอบการของ 3 ประเทศนี้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยได้ให้ความสนใจและถือเวียดนามเป็นตลาดที่สามารถจัดสรรสินค้าและบริการที่จำเป็นต่างๆ เช่น อาหาร รองเท้า เครื่องใช้ในครัวเรือน สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ส่วนเวียดนามให้ความสนใจถึงการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พืชอุตสาหกรรม ปิโตรเลี่ยมและโทรคมนาคม เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการเวียดนามบางรายสามารถหาหุ้นส่วนได้ในฟอรั่มเหล่านี้และมีแผนการเปิดสำนักงานตัวแทน แม้ประเทศเวียดนามจะตั้งอยู่ไกลจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวแต่การเยือนเป็นระยะเวลาสั้นๆครั้งนี้ของประธานประเทศเจืองเติ๊นซางได้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นก้าวเดินที่เป็นรูปธรรมในการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศของเวียดนามตามมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 พร้อมทั้งเป็นการยืนยันถึงแนวทางที่ยิ่งใหญ่ของพรรคและรัฐเวียดนามคือ เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานต่อไปพร้อมกับการขยายความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศพหุภาคีและหลากหลาย ผลสำเร็จในการเยือน 3 ประเทศดังกล่าวพร้อมกับข้อตกลงและเอกสารร่วมมือฉบับต่างๆถือเป็นนิมิตรหมายสำคัญและเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับแทนซาเนีย โมซัมบิกและอิหร่านให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเวียดนามและบรรดาประเทศเพื่อนมิตรเก่าแก่.