(VOVworld) – หลังจากที่ถูกระงับมาเป็นเวลานาน การเจรจาเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มพี๕บวก๑ ประกอบด้วย๕ประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเยอรมนีก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากประธานาธิบดีฮัซซัน โรฮานีเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในระหว่างวันที่๑๕ถึงวันที่๑๖เดือนนี้ซึ่งแม้จะทราบถึงบรรยากาศแห่งการสร้างสรรค์ของฝ่ายต่างๆก่อนการเจรจา แต่ประชามติก็ยังคงจับตามมองเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลงานที่เป็นรูปธรรมของการเจรจาครั้งนี้

ตัวแทนของกลุ่มพี๕บวก๑และอิหร่านในการเจรจาที่นครเจนีวา (Photo:Reutrers )

วัตถุประสงค์ของการเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ของอิหร่านคือ เพื่อให้คำสั่งคว่ำบาตรได้รับการผ่อนผันเร็วยิ่งขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเพราะประเทศตะวันตกและสหรัฐได้ใช้คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าวในการแก้ไขปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์และอิทธิพลของตนในเขตตะวันออกกลาง            ปัจจุบัน อิหร่านมียูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถภาพให้เข้มข้นในระดับต่ำเกือบ๗พันกิโลกรัม ในระดับร้อยละ๒๐ประมาณ๑๘๖กิโลกรัมและถูกนำไปใช้ผลิตแท่งเชื้อเพลิงเกือบ๑๙๐กิโลกรัม บรรดาผู้เชี่ยวชาญเผยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องการเชื้อเพลิงจากยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถภาพให้เข้มข้นในระดับต่ำเท่านั้น แต่อิหร่านประกาศว่า ต้องการยูเรเนียมที่ได้รับเสริมสมรรถภาพในระดับร้อยละ๒๐เพื่อป้อนให้เตาปฏิกรณ์ศึกษาวิจัยด้านสาธารณสุขซึ่งทำให้ประเทศตะวันตกและอิสราเอลมีความวิตกกังวลว่า อิหร่านอาจจะเดินหน้าเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมให้เข้มข้นในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ การเจรจาครั้งนี้ต้องแก้ไขปัญหาสำคัญ๒ประการนั่นคือ สร้างความไว้วางใจในระยะสั้นและพยายามมุ่งสู่ข้อตกลงฉบับสุดท้าย  อย่างไรก็ดี ก่อนการเจรจา นายAbbas Araqchi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้กล่าวว่า  อิหร่านจะเจรจาเกี่ยวกับปริมาณ ระดับ และมาตรการเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมให้เข้มข้น แต่การส่งมอบวัตถุดิบที่ใช้ในการเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมให้เข้มข้นออกจากดินแดนของอิหร่านเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ซึ่งคำแถลงนี้ขัดกับท่าทีโอนอ่อนและเต็มไปด้วยความหวังดีของประธานาธิบดีฮัซซัน โรฮานีก่อนหน้านั้น         ส่วนที่ประเทศสหรัฐ นายจอห์น เคอร์รีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ยืนยันว่า สหรัฐกำลังมีความรอบคอบและติดตามกระบวนการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างใกล้ชิด สหรัฐยอมที่จะไม่บรรลุข้อตกลงดีกว่าปฏิบัติข้อตกลงที่เลวร้ายที่สุด ที่รัฐสภาสหรัฐก็มีเสียงคัดค้านการผ่อนปรนความสัมพันธ์กับอิหร่าน บรรดาสมาชิกสภาล่างที่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรครีพิบลิกันมีความระแวงสงสัยเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลอิหร่านและได้อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่ออุตสาหกรรมปีโตรเลี่ยมของอิหร่าน วุฒิสภาสหรัฐยังได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ถ้าทำเนียบขาวจะไม่สามารถบรรลุความคืบหน้าใดๆในปลายเดือนตุลาคมนี้ ทางวุฒิสภาจะหารือเกี่ยวกับรัฐบัญญัติคว่ำบาตรฉบับใหม่            ในขณะเดียวกัน การเจรจาก็ถูกแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกซึ่งนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้เตือนว่า การลดแรงกดดันต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจะเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์โดยขณะนี้มิใช่เวลาที่ผ่อนปรนแต่ต้องกดดันต่ออิหร่านต่อไปเพราะอิหร่านสามารถเสริมสมรรถาพยูเรเนียมให้เข้มข้นจากร้อยละ๓.๕ขึ้นเป็นร้อยละ๙๐ได้ ดังนั้น การพร้อมที่จะระงับการเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมให้เข้มข้นในระดับร้อยละ๒๐จึงไม่มีความหมายอะไร และคำเตือนของนายเบนจามิน เนทันยาฮู ถือว่า เป็นสาส์นส่งถึงประเทศตะวันตกว่า ประเทศตะวันตกไม่ควรมีการผ่อนปรนต่ออิหร่าน            ในตลอด๔ปีที่ผ่านมา ประชามติได้มองเห็นความล้มเหลวของการเจรจาครั้งต่างๆระหว่างอิหร่านกับกลุ่มพี๕บวก๑เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ที่สร้างการถกเถียง และครั้งนี้ การต่อรองระหว่างฝ่ายต่างๆก็ลำบากและเผชิญแรงกดดันมากมาย ดูเหมือนว่า เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวอีกครั้ง ฝ่ายต่างๆควรผ่อนปรนและแสดงถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน./.