(VOVWORLD) - การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มแข็งและการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ที่สำคัญให้แก่การพัฒนาประเทศเวียดนาม โดยเวียดนามได้ระบุว่า นี่คือความต้องการที่เร่งด่วนในกระบวนการโลกาภิวัตน์และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก ซึ่งเป็นปัจจัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อพัฒนาประเทศเวียดนาม (congthuong.vn) |
เวียดนามกำลังต้องทำการปฏิรูปในทุกด้านอย่างเข้มแข็งเพื่อสร้างแรงกระตุ้นใหม่สำหรับพัฒนาประเทศ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานประกันสังคมเวียดนามคือ 1 ในหน่วยงาน 4 แห่งที่เสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล โดยให้บริการสาธารณะออนไลน์ทุกระเบียบการ ผ่านเว็บไซต์บริการสาธารณะของการประกันสังคมเวียดนาม เว็บไซต์บริการสาธารณะระดับชาติ แอปพลิเคชั่น VssID และบริการของ IVAN ซึ่งช่วยลดเวลาร้อยละ 86 ในการทำระเบียบราชการและทำได้ทุกที่ทุกเวลา ปัจจุบัน มีสถานีอนามัย 13,000 แห่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการประกันสังคมเวียดนามในการชำระค่าตรวจรักษาโรคที่ใช้บัตรประกันสุขภาพ มีการโอนเงินบำนาญและเงินอุดหนุนประจำเดือนให้แก่ผู้ที่อยู่ในเมืองร้อยละ 74 นาย เหงวียนเท้แหม่ง ผู้อำนวยการใหญ่การประกันสังคมเวียดนามได้เผยว่า
“การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็วช่วยผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการอย่างมีประสิทธิภาพ จากการสร้างสรรค์ เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูล ทางหน่วยงานจะปรับลดขั้นตอนการทำระเบียบราชการให้แก่ประชาชนเพื่อรับใช้ประชาชนและสถานประกอบการอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย”
ส่วนในด้านเศรษฐกิจ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลได้ทำให้เกิดประสิทธิผลอย่างชัดเจน โดยการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ การบริหารและลงทุนด้านการก่อสร้างและการผลิตได้รับการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง มูลค่าอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี2021 เป็นกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ผลิตภัณฑ์ของโครงการ “ 1 ตำบล 1ผลิตภัณฑ์” หรือ OCOP ได้รับการจำหน่ายผ่านระบบแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร การชำระเงินแบบไร้เงินสดได้รับการปฏิบัติอย่างกว้างขวาง อัตราผู้ที่มีบัญชีการชำระเงินอยู่ที่ร้อยละ 87สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 80 ภายในปี 2025
ที่น่าสนใจคือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของเวียดนามได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รับการส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก โดยทบวงศุลกากรได้เผยว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้เพิ่มขึ้นจากกว่า 1 แสน 1 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี2021 เป็นกว่า 1 แสน 1 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ส่วนใน 6 เดือนแรกของปีนี้ ได้บรรลุเกือบ 6 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เครือบริษัทชั้นนำของโลกหลายแห่งได้ลงทุนในโครงการใหญ่ๆในเวียดนาม อีกทั้งให้คำมั่นลงทุนในโครงการใหม่และขยายการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ ชิปเซมิคอนดักเตอร์ R&D และ AI เป็นต้น ด.หวอจี๊แถ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้ให้ข้อสังเกตว่า
“สิ่งที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจดิจิทัลคือการสนับสนุนเศรษฐกิจพัฒนา ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราถือการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็น “โอกาสทอง”ให้แก่เวียดนามเพื่อตามทันประเทศที่พัฒนาและแนวโน้มที่สำคัญในโลกปัจจุบัน”
กำหนดวิธีการผลิตใหม่ที่ทันสมัย
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกิจกรรมเศรษฐกิจสังคมเท่านั้น หากยังต้องกำหนดวิธีการผลิตใหม่ที่ทันสมัย มีการผสานระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึง AI อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติเป้าหมายนี้ หน่วยงานทุกระดับของเวียดนามได้เตรียมพร้อมในเชิงรุก นาย เจิ่นลิวกวาง หัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจส่วนกลางได้ยืนยันว่า
“จากการตระหนักถึงบทบาทของ AI ในเวลาที่ผ่านมา พรรคและรัฐเวียดนามได้ประกาศแนวทาง นโยบายและมติแนะนำการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้ AI โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศใช้ยุทธศาสตร์ระดับชาติเกี่ยวกับการวิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้ AI จนถึงปี2030 โดยตั้งเป้าหมายว่า พัฒนา AI ให้เป็นเทคโนโลยีสำคัญของเวียดนามและจนถึงปี 2030 จะพัฒนาเวียดนามเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่พัฒนาโซลูชั่นและการประยุกต์ใช้ AI ในภูมิภาคอาเซียน”
ในขณะเดียวกัน จังหวัดและนครต่างๆ ได้ผลักดันการอบรมแหล่งบุคลากร โดยนครดานังตั้งเป้าหมายว่า จนถึงปี 2030 จะอบรมวิศวกรเซมิคอนดักเตอร์ 5,000 คน ส่วนที่จังหวัดบิ่งดิ๋ง เมื่อวันที่18 สิงหาคม ได้มีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโครงการศูนย์ AI และพื้นที่โดยรอบ ซึ่งเป็นนิมิตหมายของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะ AI ในการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจท้องถิ่น นาย ฝ่ามแองต๊วน ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบิ่งดิ๋งได้เผยว่า
“ศูนย์ AI และพื้นที่โดยรอบจะมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศเทคโนโลยีของจังหวัดฯ โดยเน้นส่งเสริมการวิจัย อบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงและการประยุกต์ใช้ AI ในด้านสำคัญๆ”
ทั้งนี้และทั้งนั้นแสดงให้เห็นว่า กาปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มแข็งเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อพัฒนาประเทศเวียดนาม โดยการผลักดันการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลจะมีส่วนร่วมปฏิบัติเป้าหมายนำเวียดนามติดในกลุ่ม 50 ประเทศชั้นนำของโลกและอยู่อันดับ3 ของอาเซียนเกี่ยวกับการสร้างสรรค์รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2030./.