ประเทศสหรัฐก่อนช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์
Anh Huyen/VOV5 -  
(VOVworld) – ประเทศสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เพราะหลังการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน สหรัฐจะมีประธานาธิบดีคนที่ 45 ซึ่งอาจจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ คือผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครต นาง ฮิลลารี คลินตั้น หรือมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน คำถามนี้จะได้รับคำตอบหลังการนับคะแนนเบื้องต้น
(VOVworld) – ประเทศสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เพราะหลังการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน สหรัฐจะมีประธานาธิบดีคนที่ 45 ซึ่งอาจจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ คือผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครต นาง ฮิลลารี คลินตั้น หรือมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน คำถามนี้จะได้รับคำตอบหลังการนับคะแนนเบื้องต้น
มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ (Reuters)
|
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ได้รับการประเมินว่า เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองของสหรัฐ เพราะนับเป็นครั้งแรกที่มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง 2 คนที่มีทัศนะ นโยบายทั้งภายในและต่างประเทศที่ตรงข้ามกัน และล้วนผ่านพ้นข้อกล่าวหาในเรื่องอื้อฉาวของตนเอง
นาง ฮิลลารี คลินตันและนาย โดนัลด์ ทรัมป์-สองสีสันตรงข้าม
สามารถเห็นได้ว่า ยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ช่องว่างของคะแนนนิยมระหว่างผู้ลงสมัคร 2 คนยิ่งใกล้เคียงกันมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีผู้ลงสมัครคนใดมีความได้เปรียบที่ชัดเจน
นาง ฮิลลารี คลินตัน ผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครตและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมีนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือ สานต่อนโยบายบริหารของทางการประธานาธิบดี บารัค โอบามา เช่นผลักดันการควบคุมอาวุธปืน ขยายโครงการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศหรือโอบามาแคร์ ปกป้องผู้อพยพชาวมุสลิมผ่านการปรับปรุงกฎหมายผู้อพยพเข้าเมือง โดยมีกระบวนการมอบสิทธิพลเมืองให้แก่ผู้ที่กำลังอาศัยในสหรัฐอย่างถูกกฎหมาย พร้อมทั้งสนับสนุนการไม่เนรเทศผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายนับล้านคน ในด้านการต่างประเทศ นาง ฮิลลารี คลินตัน มีแนวทางผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรที่ยาวนานและสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ใหม่ เพราะตามความเห็นของนาง ฮิลลารี คลินตัน การขยายและทำให้คำมั่นระหว่างประเทศมีความลึกซึ้งมากขึ้นคือวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่ยาวนาน ตลอดจนยกระดับสถานะของสหรัฐบนเวทีโลก
ในขณะเดียวกัน มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำประกาศที่สร้างความตกตลึงให้แก่ประชามติ เมื่อยืนยันมาตรการต่างๆ เช่นการเพิ่มการเก็บภาษีจากคนรวยเพื่อค้ำประกันสวัสดิการสังคม การลงทุนให้แก่การศึกษาและสาธารณสุขเพื่อผลประโยชน์ระยะยาว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรต้องจ่ายเงินเพื่อได้รับการรักษาความมั่นคงจากสหรัฐ สำหรับปัญหาอพยพ นาย ทรัมป์ ยังคงยืนหยัดทัศนะส่งผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ ก่อสร้างรั้วความมั่นคงเลียบตามชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก และยืนยันนโยบายที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆคือพัฒนาเศรษฐกิจ นำสหรัฐกลายเป็นประเทศที่เข้มแข็งผ่านนโยบายต่างๆ เช่นการคุ้มครองการค้า คัดค้านการค้าเสรีและข้อตกลงการค้าปัจจุบัน เจรจาใหม่ข้อตกลงการค้าเสรีลาตินอเมริกาเหนือหรือ NAFTA และถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี ยกเลิกข้อกำหนดระหว่างมลรัฐร้อยละ 70 ปรับลดการเก็บภาษีต่อสถานประกอบการลงเหลือร้อยละ 15
ความแตกต่างกันเกี่ยวกับทัศนะการปฏิบัตินโยบายระหว่างผู้ลงสมัครทั้งสองคนได้ทำให้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้มีความตื่นเต้นและคาดเดาผลได้ยาก
นาง ฮิลลารี คลินตัน มีนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือ สานต่อนโยบายบริหารของทางการประธานาธิบดี บารัค โอบามา (Reuters)
|
พยายามถึงเส้นชัย
จนถึงขณะนี้ รัฐทุกแห่งในสหรัฐได้เปิดให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาลงคะแนน ผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เบื้องต้นจาก 25 รัฐชี้ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนนำทิ้งห่างนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ไปอยู่ที่ 137 คะแนน ส่วนนางคลินตันอยู่ที่ 104 คะแนน ณ เวลา 9.40 น. ตามเวลาเวียดนาม.
Anh Huyen/VOV5