ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอังกฤษเลือกออกจากอียู

(VOVworld) – ผลประชามติเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนปรากฎว่า คะแนนของผู้สนับสนุนให้ถอนตัวจากอียูสูงกว่ากลุ่มคัดค้านได้ส่งผลให้ตลาดการ เงินในภูมิภาคและโลกเกิดความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อทั้งประเทศอังกฤษและโลก โดยบางคนเผยว่า อาจจะทำให้โครงสร้างของยุโรปเปลี่ยนแปลงในเวลาข้างหน้า
(VOVworld) – ผลประชามติเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนปรากฎว่า คะแนนของผู้สนับสนุนให้ถอนตัวจากอียูสูงกว่ากลุ่มคัดค้านได้ส่งผลให้ตลาดการเงินในภูมิภาคและโลกเกิดความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อทั้งประเทศอังกฤษและโลก โดยบางคนเผยว่า อาจจะทำให้โครงสร้างของยุโรปเปลี่ยนแปลงในเวลาข้างหน้า
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอังกฤษเลือกออกจากอียู - ảnh 1
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอังกฤษเลือกออกจากอียู (Photo Kyodo/VNplus)
ผลการนับคะแนนเบื้องต้นอย่างเป็นทางการเมื่อเช้าวันที่ 24 มิถุนายนปรากฎว่า มีผู้สนับสนุนการถอนตัวร้อยละ 51.89 ส่วนผู้ที่คัดค้านอยู่ที่ร้อยละ 48.11 ซึ่งหมายความว่า ชาวอังกฤษเลือกการถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ โดยหัวหน้าพรรคเอกราชแห่งราชอณาจักรอังกฤษหรือ UKIP และฝ่ายสนับสนุน Brexit ได้ประกาศว่า การรณรงค์ Brexit ได้ประสบชัยชนะและวันที่ 24 มิถุนายนถือเป็น “วันแห่งเอกราช” ในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ
ผลที่ตามมาจาก Brexit
สถาบันการเงิน บริษัทใหญ่ๆและตลาดการเงินโลกต้องเผชิญความผันผวนหลังจากที่ผลการลงประชามติถูกประกาศอย่างเป็นทางการ ถึงขณะนี้ ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์สำคัญในเอเชีย เช่น Nikkei ของญี่ปุ่น Shanghai Composite ของจีน Hang Seng ของฮ่องกงได้ลดลงอย่างหนัก ในตลาดการเงิน ค่าเงินปอนด์ของอักฤษได้ลงลงถึงร้อยละ 8.3 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1985 ส่วนเงินยุโรก็อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์และมีบางคนให้ข้อสังเกตว่า การที่ประชาชนเลือก Brexit อาจส่งผลให้การเมืองของอังกฤษตกเข้าสู่ความวุ่นวาย
ผลกระทบในเบื้องต้นจากประชามติดังกล่าวได้สร้างความแตกแยกในอังกฤษและอาจสร้างแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสมาชิกในสหราชอาณาจักร เช่น สก๊อตแลนด์และเวลส์ที่ก็มีความประสงค์จะถอนตัวออกจากอังกฤษ นอกจากนี้ การถอนตัวดังกล่าวจะทำให้อียูตกเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพครั้งใหม่ เพราะว่า อังกฤษเป็นสมาชิกสำคัญและมีเสียงพูดที่เข้มแข็งในอียูและผลกระทบโดมิโนของ Brexit จะส่งผลโดยตรงถึงประเทศยุโรปอื่นๆ จนอาจทำให้อียูต้องล่มสลาย
การถอนตัวได้มากกว่าเสีย?
นักวิเคราะห์เห็นว่า การที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูจะส่งผลกระทบต่างๆ โดยอังกฤษจะสูญเสียตลาดที่มีประชากร 500 ล้านคนจากบรรดาประเทศอียู ซึ่งส่งผลเสียร้อยละ 6 ต่อจีดีพีในปี 2020 เพราะสินค้าของอังกฤษกว่าครึ่งหนึ่งส่งออกไปยังบรรดาประเทศอียู ซึ่งมีส่วนร่วมตั้งแต่ร้อยละ 4-5 ของจีดีพี นอกจากนี้หน่วยงานธานคาร ซึ่งมีเงินทุนร้อยละ 8 ต่อผลผลิตทั้งหมดของเศรษฐกิจอังกฤษ ก็จะได้รับผลกระทบเมื่ออังกฤษถอนตัวจากอียู ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารระหว่างประเทศใหญ่ๆ เช่น Bank of America, Morgan Stanley และCitigroup จะย้ายไปยังประเทศอื่นในอียูเพื่อสามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับตลาดที่กว้างใหญ่ เมื่อต้นสัปดาห์นี้ บริษัท Rolls Royce ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงาน อาวุธและการบินอวกาศได้เผยว่า Brexit อาจทำให้โรงงานทดลองเครื่องยนต์ในเยอรมนีเสียเปรียบคู่แข่งจากสหรัฐ ความกังวลดังกล่าวก็เป็นความกังวลของบริษัทข้ามชาติต่างๆที่กำลังประกอบธุรกิจในอังกฤษที่มีการเชื่อมโยงกับทั้งยุโรป นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดว่า เงินปอนด์ของอังกฤษจะอ่อนค่าลงร้อยละ 14-15 ภายใน 1 ปีเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้อักฤษสูญเสียบทบาทการเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก ยิ่งไปกว่านั้น Brexit อาจทำให้สังคมอังกฤษไม่สงบ โดยชาวอังกฤษที่อาศัยในประเทศต่างๆของอียูกว่า 2.2 ล้านคนอาจตกงานและถูกตัดสิทธิพิเศษต่างๆในสังคม
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอังกฤษเลือกออกจากอียู - ảnh 2
การถอนตัวได้มากกว่าเสีย? (Photo AFP/VNplus)
ผลประชามติของอังกฤษไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะในตลอด 4 เดือนที่หาเสียงรณรงค์ ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนการถอนตัวออกจากอียูก็สามารถคาดการณ์ผลการลงประชามติครั้งนี้ได้ แม้อียูจะมีการผ่อนปรนต่างๆ เช่น การมอบ “ระเบียบการพิเศษ”ให้อังกฤษ ส่วนผู้บริหารอังกฤษ ยุโรปและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจก็พยายามวางกรอบเกี่ยวกับการถอนตัวนี้แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอักฤษก็ยังคงมีการเลือกด้วยตัวเอง โดยพลเมืองหลายคนบอกว่า พวกเขาต้องรับผิดชอบมากเกินไปต่อรัฐบาลเพราะอังกฤษถูกถือเป็นศูนย์กลางใหญ่ของอียูและต้องสบทบเงินให้แก่งบประมาณของอียูในระดับสูง ซึ่งฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษเป็นสมาชิกของอียูต่อไปก็ต้องยอมรับว่า อังกษฤจะเข้มแข็ง ปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในยุโรปที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว การถอนตัวของอักฤษจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อกลุ่มอียูที่ไม่มีความเข้มแข็งในด้านระเบียบ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภูมิภาคและโลกเท่านั้นหากยังต่อความมีเสถียรภาพทางการเมืองของอังกฤษและอียูอีกด้วย โดยนักวิเคราะห์เห็นว่า อังกฤษจะย่างเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า อนาคตจะดีกว่าหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือการถดถอยของอียูในความพยายามสร้างสรรค์สหพันธ์ที่เข้มแข็งนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด