(VOVWORLD) -ค่ำวันที่ 3 ธันวาคม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กลับถึงกรุงฮานอย เสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP 28 ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเยือนประเทศตุรกีอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการยืนยันเกี่ยวกับสถานะ ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามที่คล่องตัวและเข้มแข็งในการปฏิบัติคำมั่นต่างๆ ในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เข้าร่วมการแก้ไขความท้าทายระดับโลก เปิดศักราชใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์กับตุรกีและสร้างพลังขับเคลื่อนในการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง |
ภารกิจนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีขึ้นในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม ซึ่งได้บรรลุเป้าหมายและหน้าที่ที่ได้วางไว้ทั้งหมด มีส่วนร่วมปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ประมาณ 60 กิจกรรมทั้งที่ตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งล้วนแต่ประสบความสำเร็จในเชิงยุทธศาสตร์และมีความเป็นรูปธรรม
นิมิตหมายของเวียดนามและสารที่ส่งถึงการประชุม COP 28
ในการประชุม COP 28 นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวปราศรัยในฟอรั่มต่างๆ โดยส่งสารที่สำคัญต่อประชาคมระหว่างประเทศ คือต้องแปรคำมั่นในการประชุมต่างๆ ให้เป็นการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเคร่งครัด
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เผยว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและโรคระบาดในหลายปีมานี้ได้แสดงให้เห็นว่า นี่คือความท้าทายข้ามชาติ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบทั่วโลกและเป็นปัญหาของประชาชนทุกคน ดังนั้น แต่ละประเทศควรใช้ศักยภาพที่มีบวกกับความร่วมือในระดับนานาชาติ ถือประชาชนและผลประโยชน์ของโลกเป็นศูนย์กลางเพื่อรับมือความท้าทายเหล่านี้
บรรดาประเทศพัฒนาควรช่วยเหลือบรรดาประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนา โดยเฉพาะสิทธิพิเศษด้านเงินทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง ส่วนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนาต้องพยายามยกระดับทักษะความสามารถ การพึ่งตนเองและการพัฒนาด้วยตนเอง
โลกต้องรักษาความเป็นธรรมและจรรยาบรรณในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงจุดกึ่งกลางที่เหมาะสมระหว่างการปรับเปลี่ยนพลังงานสะอาดกับความมั่นคงด้านพลังงานของโลกและระหว่างการพัฒนากับการปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียว
โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มพันธมิตรประเทศที่กำลังพัฒนา G77 รวม 135 ประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ย้ำว่า จำเป็นต้องถือประเด็นเกี่ยวกับนวัตกรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเป็นด้านหลักของความร่วมมือและเป็นก้าวกระโดดสำหรับกระบวนการปรับเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจให้เป็นเศรษฐกิจแห่งสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียนและยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันแหล่งเงินทุนที่ให้สิทธิพิเศษต่อการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพื่อเป็นกุญแจในการไปสู่เป้าหมายต่างๆ ในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
สำหรับประสบการณ์ของเวียดนามในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวว่า หลังการประชุม COP26 ณ เมือง Glasgow เวียดนามได้ปฏิบัติมาตรการใหญ่ๆ และรอบด้านรวม 12 มาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก ค้ำประกันการพึ่งตนเอง ความมั่นคงด้านพลังงาน ผลประโยชน์ของประชาชนและเป้าหมายต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ
กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ในกรอบการประชุม COP 28 คือการประกาศแผนการระดมแหล่งพลังเพื่อดำเนินการตามความตกลงการเป็นหุ้นส่วนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเท่าเทียม หรือ JETP ระหว่างเวียดนามกับกลุ่มหุ้นส่วนระหว่างประเทศ โดยหุ้นส่วนระหว่างประเทศให้คำมั่นว่า จะระดมแหล่งพลังในเบื้อต้นรวม 1 หมื่น 5 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลา 3-5 ปีเพื่อตอบสนองความต้องการที่เร่งด่วนสำหรับการปรับเปลี่ยนพลังงานอย่างเป็นธรรมของเวียดนาม นอกจากนี้ ธนาคารโลกก็มีแผนการให้เงินกู้แก่เวียดนาม 5-7 พันล้านดอลลาร์เพื่อปฏิบัติโครงการที่มีศัยกภาพ
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุม |
ระยะใหม่แห่งความร่วมมือทวิภาคี
สำหรับประเทศตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้มีขึ้นประจวบกับช่วงเวลาที่มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นคือการรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม – ตุรกีและ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยที่ตุรกี การเยือนของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้สร้างก้าวกระโดดให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องผลักดันการเปิดสถานกงสุลตุรกี ณ นครโฮจิมินห์ เปิดตลาดให้แก่สินค้าหลักและสินค้าเกษตรระหว่างกัน มุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 4-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศได้หารือเกี่ยวกับโอกาสในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้นเป็นกรอบหุ้นส่วนใหม่
สำหรับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้มีส่วนร่วมสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งและผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เห็นพ้องกันว่า จะลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านหรือ CEPA เพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มการสนับสนุนเวียดนามพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ขยายความร่วมมือในการขยายตัวแห่งสีเขียว การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและนวัตกรรม เป็นต้น
ในกรอบกิจกรรมการต่างประเทศครั้งนี้ กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่นและสถานประกอบการหลายแห่งของเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับหุ้นส่วนตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์รวม 21 ฉบับในด้านความมั่นคง การเกษตร การบินพลเรือน แหล่งบุคลากร การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและท่าเรือ เพื่อมีส่วนร่วมเสริมสร้างกรอบทางนิตินัยให้ความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วนต่างๆ ที่สำคัญเหล่านี้มีความสมบูรณ์
ทั้งนี้สามารถยืนยันได้ว่า ภารกิจในต่างประเทศในระยะเวลา 5 วันของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้บรรลุผลสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคี โดยเฉพาะได้เสร็จสิ้นทุกเป้าหมายและหน้าที่ที่วางไว้ในระดับสูงสุด.