(VOVworld)-
การประชุมครั้งที่10คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่11ที่
กำลังมีขึ้น ณ กรุงฮานอย
มีความหมายสำคัญต่องานด้านการบริหารชี้นำเพื่อบรรลุเป้าหมายหน้าที่ของ
ปี2015และของทั้งวาระนี้
มุ่งสู่การประชุมใหญ่พรรคทุกระดับเพื่อเตรียมให้แก่สมัชชาพรรคสมัยที่12
นี่คือคำยืนยันของท่านเหงวียนฟู๊จ๋องเลขาธิการใหญ่พรรคในบทปราศรัยเปิดการ
ประชุม
(VOVworld)- การประชุมครั้งที่10คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่11ที่กำลังมีขึ้น ณ กรุงฮานอย มีความหมายสำคัญต่องานด้านการบริหารชี้นำเพื่อบรรลุเป้าหมายหน้าที่ของปี2015และของทั้งวาระนี้ มุ่งสู่การประชุมใหญ่พรรคทุกระดับเพื่อเตรียมให้แก่สมัชชาพรรคสมัยที่12 นี่คือคำยืนยันของท่านเหงวียนฟู๊จ๋องเลขาธิการใหญ่พรรคในบทปราศรัยเปิดการประชุม
ท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ๋อง
|
ในบทปราศรัยนี้ ท่านเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ๋องได้ชี้ว่า คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่11ประชุมเพื่อหารือและอนุมัติร่างเอกสารที่จะยื่นต่อที่ประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่12 แสดงความเห็นต่อรายงานและโครงการต่างๆเพื่อให้กรมการเมืองรวบรวมปรับปรุงให้สมบูรณ์เพื่อชี้นำการปฏิบัติต่อไป ลงคะแนนไว้วางใจต่อสมาชิกกรมการเมืองและสมาชิกคณะเลขาธิการกลางพรรค แนะนำบุคลากรตามแผนการเชิงยุทธศาสตร์ด้านเจ้าหน้าที่ คัดเลือกบุคลากรเพื่อเสริมจำนวนสมาชิกคณะกรรมการตรวจตราส่วนกลางและเนื้อหาที่สำคัญอื่นๆอีกหลายประเด็น
เปลี่ยนแปลงใหม่การร่างและปรับปรุงเอกสารที่จะยื่นต่อสมัชชาพรรค
ตามความเห็นของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคกระบวนการเตรียมเอกสารได้เริ่มขึ้นตั้งแต่หลังการประชุมครั้งที่8เมื่อเดือนตุลาคมปี2013 เกี่ยวกับรายงานการเมืองซึ่งเป็นเอกสารที่สำคัญที่สุดของสมัชชาพรรค ท่านเหงวียนฟู้จ๋องยืนยันว่า“ร่างรายงานการเมืองถูกร่างและปรับปรุงเนื้อหาอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานการรวบรวมและกลั่นกรองผลการวิจัยและสรุปผลทั้งทางทฤษฏีและการปฏิบัติจาก30ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่และผลการปฏิบัติมติของสมัชชาพรรคสมัยที่11 ตลอดจนการหารือกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ คณะกรรมการพรรคสาขาจังหวัดและนครรวมทั้งความเห็นจากบรรดาอดีตผู้นำพรรคและรัฐ”
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนที่เข้าร่วมต้องแสดงความเห็นต่อร่างรายงานดังกล่าวอย่างจริงจังโดยเน้นในข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมที่ระบุในรายงานเช่น หัวข้อและแนวทางการชี้นำของสมัชชาพรรคสมัยที่12 โครงสร้างและเนื้อหาของรายงานที่เน้นเรื่องทัศนะ แนวทางการชี้นำ แนวทางนโยบายและมาตรการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่มีความหมายทางยุทธศาสตร์ มีก้าวกระโดดและปัญหาที่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน จากนั้นจะช่วยยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องทำการสืบต่อ เสริมสร้างและพัฒนาแนวทางนโยบายต่างๆ ทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกด้านและปฏิบัติหน้าที่ยุทธศาสตร์2ประการคือการสร้างสรรค์และพิทักษ์ปิตุภูมิสังคมนิยมเวียดนามให้มั่นคง
กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของประเทศและระหว่างประเทศ
เกี่ยวกับรายงานด้านเศรษฐกิจสังคม ซึ่งเป็นรายงานที่สำคัญและเจาะลึกถึงประเด็นพื้นฐานและหน้าที่สำคัญของภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ ท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯได้เผยว่า“คณะอนุกรรมการเศรษฐกิจได้อิงตามประเด็นหลักที่การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่9ได้แสดงความเห็นเพื่อร่างรายงานนี้พร้อมแนวทางหน้าที่ใน5ปีต่อไปคือ2016-2020โดยเสนอให้ที่ประชุมส่วนกลางอาศัยสถานการณ์ที่เป็นจริงในวาระนี้และแผนการพัฒนาระยะ5ปี ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมระยะ10ปีเพื่อหารือและประเมินอย่างมีภาวะวิสัยต่อผลงานที่ได้บรรลุตามแผนที่ได้วางไว้ในสมัชชาพรรคสมัยที่11”
เกี่ยวกับรายงานการปฏิบัติธรรมนูญของพรรค ที่ประชุมจะต้องแสดงความเห็นเพื่อประเมินผลงาน ข้อจำกัดและอุปสรรคในการปฏิบัติ ข้อเสนอเพื่อเสริมเพิ่มเติมเนื้อหาของธรรมนูญพรรคขององค์กรพรรคสาขาทุกระดับรวมทั้งข้อเสนอของกรมการเมืองเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขธรรมนูญพรรคสมัยที่11
แสดงความเห็นต่อโครงการต่างๆรวมทั้งการสร้างสรรค์กระบวนเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ตามความเห็นของเลขาธิการใหญ่พรรคฯ การสรุปผล30ปีเปลี่ยนแปลงใหม่ตั้งแต่ปี1986-2016 ได้รับการรวบรวม วิจัยและจัดทำเป็นรายงานที่สรุปทั้งทางทฤษฏีและการปฏิบัติ โดยการประชุมครั้งนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบต่อความเห็นต่างๆเกี่ยวกับผลการปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนแปลงใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและแนวทางการผลักดันกระบวนการนี้แบบบูรณาการเพื่อสร้างความเห็นพ้องเป็นอย่างสูงในพรรคและสังคม
ท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯยังได้กล่าวถึงการแสดงความเห็นต่อรายงานการสรุปหน้าที่การบริหารชี้นำของกรมการเมืองและคณะเลขาธิการกลางพรรคปี2014 โครงการลดการบรรจุข้าราชการและปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของเจ้าหน้าที่ข้าราชการรวมถึงการวางแผนพัฒนาและบริหารสื่อและได้ยืนยันว่าการลงคะแนนไว้วางใจสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคและสมาชิกคณะเลขาธิการกลางพรรคก็เพื่อรวบรวมข้อมูลในการประเมินและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อย่างเหมาะสม มีส่วนร่วมสร้างสรรค์กระบวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคและรัฐที่นับวันเข้มแข็งยิ่งขึ้น./.