(VOVworld)- สถานการณ์ในซีเรียได้ก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนโดยจนถึงวันที่ 19กรกฎาคม การใช้ความรุนแรงในประเทศนี้ก็ได้ทวีความรุนแรงมาเป็นเวลา5วันติดต่อกันแล้ว โดยเฉพาะเหตุระเบิดพลีชีพใส่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่18กรกฎาคมที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเสียชีวิตหลายคน ส่วนประชามติก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในซีเรียที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เลื่อนกำหนดการลงมติเพื่อเพิ่มมาตรการ คว่ำบาตรต่อซีเรียมาเป็นวันที่19นี้ตามเวลาท้องถิ่น

วิกฤตความรุนแรงในซีเรียเริ่มหนักข้อขึ้นตั้งแต่วันที่15กรกฎาคมเมื่อกองทัพเสรีซีเรียหรือ เอฟเอสเอ แห่งกองกำลังลุกขึ้นสู้ได้เปิดการโจมตีครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ ภูเขาไฟดามัสกัสและแผ่นดินไหวซีเรีย รวมทั้งประกาศสงครามปลดปล่อยดามัสกัสที่เปิดฉากด้วยเหตุระเบิดพลีชีพสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติซีเรียจนทำให้มีสมาชิกระดับสูงในคณะรัฐบาลหลายคนเสียชีวิตซึ่งรวมถึงนายพลดาอูด ราจิฮา รัฐมนตรีกลาโหม นายอัสเซฟ โชกัต รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมพี่เขยของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด และนายโมฮัมหมัด ชาอาร์ รัฐมนตรีมหาดไทย  เหตุระเบิดครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นการแทรกแซงอย่างกว้างลึกของกองกำลังฝ่ายค้านในทางการดามัสกัสเนื่องจากได้เกิดขึ้นในเขต ราว์ดา ซึ่งเป็นสถานที่ได้รับการรักความมั่นคงอย่างเข้มงวดที่สุดส่วนผู้วางระเบิดพลีชีพนั้นเป็นทหารอารักขาของประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอัสซาด หลังเหตุการนี้ กลุ่มกบฎมุสลิมชื่อว่า ลีวา อัล อิสลาม ก็ได้เผยถึงเป้าหมายของการโจมตีคือมุ่งใส่สำนักงานฝ่ายจัดการวิกฤตในดามัสกัส ส่วนโฆษกของกองทัพเสรีซีเรียกล่าวว่า นี่เป็นเหตุการณ์แห่งภูเขาไฟที่พวกเขาเคยพูดถึงและนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน การปะทะครั้งต่างๆที่อยู่นอกเมืองหลวงของซีเรียก็ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยพร้อมกับการโจมตีดังกล่าว กองกำลังลุกขึ้นในซีเรียยังได้ทำการวางระเบิดอีก5ครั้งใหญ่ในเขต มูฮาจีเรน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือกรุงดามัสกัสใกล้กับฐานทัพของกองพลรถหุ้ทเกราะห์ที่4 ส่วนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพซีเรียได้ยิงจรวดและปืนครกใส่เขตชุมชนบางแห่งในดามัสกัสในขณะที่กองกำลังของประธานาธิบดีอัลอัสซัสกำลังต่อสู้กับกองกำลังลุกขึ้นสู้ในหลายจุด ส่วนก่อนหน้านี้ พลตรี อาวี โกจาวี ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งกองทัพอิสราเอลได้เผยว่า รัฐบาลซีเรียกำลังศูนย์เสียการควบคุมเมืองหลวงและประธานาธิบดีบาซาร์อัลอัสซาดต้องระดมกำลังทหารจากเขตชายแดนติดกับอิสราเอลเข้ามาสนธิกำลังเพื่อรักษาความมั่นคง ทางฝ่ายกองกำลังลุกขึ้นสู้นั้นก็ได้ประกาศว่าได้ยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพรัฐบาลตก1ลำในเขต กวาบุน ในดามัสกัส ส่วนพันเอก กาสเซม ซาดินดีเน โฆษกกองบัญชาการกองทัพเสรีซีเรียที่มีสำนักงาน ณ เมืองฮอมส์ได้เผยว่า พวกเขากำลังก้าวไปสู่ชัยชนะและสงครามจะไม่ยุติจนกว่าจะสามารถควบคุมนครหลวงได้ 

ประชาคมระหว่างประเทศต้องให้ความร่วมมือเพื่อผลักดันกระบวนการเปลี่ยนผ่าน ทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลางนี้

ในด้านประชามติระหว่างประเทศนั้นก็มีการแสดงท่าทีที่สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกต่อสถานการณ์ในซีเรีย โดยเมื่อวันที่18กรกฎาคม รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแซกเก ลาว์รอฟ ได้แสดงความเห็นว่า กำลังเกิดการปะทะครั้งสุดท้ายเพื่อยึดอำนาจการควบคุมดามัสกัส ส่วนอีกหลายประเทศในภูมิภาคคืออิสราเอล จอร์แดน ซาอุดิอารเบียร์ อิรักและตุรากีรวมทั้งกองกำลังของสหรัฐในแถบนี้ก็ได้ตั้งอยู่ในความพร้อมที่จะทำการสู้รบเนื่องจากเป็นห่วงต่อท่าทีของทางการประธานาธิบดีอัลอัสซาด  นอกจากนั้นสหรัฐยังจัดการทาบทามฉุกเฉินหลายครั้งเพื่อประเมินสถานการณ์ในซีเรียและท่าทีของนายบาซาร์ อัลอัสซาด  ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล อีฮุด บารัก ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงเพื่อหารือปัญหาซีเรียซึ่งในขณะที่ทางการดามัสกัสกำลังวุ่นวายกับเหตุระเบิดพลีชีพนั้น ก็ได้มีการเร่งกระบวนการรณรงค์เพื่อเพิ่มการคว่ำบาตรในทุกด้านต่อทางการของประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอัสซาด  โดยสหรัฐได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐมนตรีหลายสิบคนในรัฐบาลซีเรีย ซึ่งเป็นการปฏิบัติคำมั่นส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มแรงบีบคั้นให้ทางการบาซาร์อัลอัสซาด ยุติการใช้ความรุนแรงและสละอำนาจทางการเมือง  ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษได้แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นว่าสหประชาชาติต้องมีปฏิบัติการที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อช่วยยุติการปะทะและเรียกร้องให้รัสเซียกับจีนให้การสนับสนุนมติที่เเข็งกร้าวกว่าของคณะมนตรีความมั่นควแห่งสหประชาชาติ ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เลอน ปาเนตตา ได้กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ที่กำลังเยือนสหรัฐว่า สถานการณ์ในซีเรียกำลังหลุดออกจากการควบคุมของทุกฝ่ายดังนั้นประชาคมระหว่างประเทศต้องให้ความร่วมมือเพื่อผลักดันกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลางนี้

ปัจจุบันตามข้อเสนอของนาย โคฟีอันนัน ทูตพิเศษของสหประชาชาติ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ตัดสินใจเลื่อนกำหนดการลงมติที่ฝ่ายตะวันตกร่างขึ้นเพื่อเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรียจากเดิมในวันที่18ที่ผ่านมา มาเป็นการพิจารณาลงมติในวันที่19นี้ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อต้องการให้ตัวแทนของประเทศสมาชิกถาวรมีเวลาไตร่ตรองเพื่อนำไปสู่แนวคิดไปในทิศทางเดียวกันในการแก้ไขวิกฤตการเมืองในซีเรีย โดยนายอันนันได้ประณามการวางระเบิดอย่างนองเลือดในซีเรียและเร่งรัดให้คณะมนตรีความมั่นคงมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและเด็ดขาดเพื่อยุติการใช้ความรุนแรง ซึ่งคำเรียกร้องนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป อังกฤษ เยอรมนีและฝรั่งเศส  ส่วนทางด้านประชามตินั้นกำลังพยากรณ์ว่า สถานการณ์ในซีเรียกำลังเดินตามรอยของลิเบียและทางการของประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอัสซาด กำลังจะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญแห่งชะตากรรม./.