(VOVWORLD) - เวียดนามกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งและได้รับโอกาสใหม่ๆ นี่คือคำยืนยันของผู้นำประเทศต่างๆและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโลก โดยแสดงความเห็นว่า เวียดนามมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของภูมิภาค
นาย ดอน ฟาร์เรลล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าออสเตรเลีย |
ในการสัมมนาของสถาบันนโยบายออสเตรเลีย-เวียดนามหรือ AVPI ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเร็วๆนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนต่างมีความเห็นว่า เวียดนามได้บรรลุความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการปรับปรุงบรรยากาศการค้าและการลงทุน ในทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามได้ดำเนินการปฏิรูปที่สำคัญเพื่อปรับปรุงกิจกรรมการประกอบธุรกิจ เช่น การปฏิรูประเบียบราชการให้กระทัดรัดและการเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการบริหาร
เวียดนามมีส่วนร่วมต่อการเติบโตของภูมิภาค
นาย Leigh Howard ซีอีโอของบริษัท Asialink Business ได้เผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขามาเวียดนามหลายครั้งและได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและความพยายามอย่างเข็มแข็งในการปรับปรุงบรรยากาศการค้าและการลงทุน รัฐบาลเวียดนามได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีส่วนร่วมทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน นาย ดอน ฟาร์เรลล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าออสเตรเลียแสดงความเห็นว่า รัฐบาลเวียดนามได้ลงทุนเป็นอย่างมากต่อโครงสร้างพื้นฐาน และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งมีส่วนร่วมทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเวียดนามได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมการธุรกิจเชิงบวก ดังนั้น เวียดนามจึงมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของภูมิภาค
“ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียจนถึงปี 2040 คาดการณ์ว่า GDP ของภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า จาก 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นเป็นเกือบ 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2040 และเวียดนามเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่มีส่วนร่วมต่อการเติบโตนี้ โดยคาดว่า การเติบโต GDP จะอยู่ที่ร้อยละ 5-7 ต่อปีตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2040 จำนวนครอบครัวในเวียดนามที่มีรายได้สุทธิส่วนบุคคลมากกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐจะเพิ่มขึ้น 20 ล้านคนภายในปี 2040 ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลางในเวียดนามเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าของจำนวนผู้บริโภคในออสเตรเลียในปัจจุบัน”
นาย เลย์ตัน ไพค์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันนโยบายออสเตรเลีย-เวียดนาม |
นาง Louise Adams ซีอีโอของบริษัท Aurecon ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งให้คำปรึกษาทางเทคนิคและการออกแบบได้ยืนยันว่า อัตราการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของเวียดนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้บ่งบอกถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
“ดิฉันคิดว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เป็นเพราะเวียดนามกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น ระดับทักษะที่ดี ประชากรวัยรุ่น ระบบการศึกษาที่ดีและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความสนใจลงทุน เวียดนามยังมีความเปิดกว้างมากขึ้นผ่านการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศ และสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความสำเร็จให้แก่เวียดนาม”
ใช้โอกาสเพื่อให้เวียดนามก้าวไกลมากขึ้น
ความสำเร็จที่ได้บรรลุในเวลาที่ผ่านมาได้สร้างพื้นฐานเพื่อให้เวียดนามมีพลังที่เข้มแข็งภายในและมีความมุ่งมั่นที่จะใช้โอกาสในอนาคตเพื่อสร้างก้าวกระโดด นาย เลย์ตัน ไพค์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันนโยบายออสเตรเลีย-เวียดนามแสดงความเห็นว่า
“ถึงแม้จะมีอัตราการเติบโตที่น่าประทับใจ แต่เวียดนามยังต้องเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งควรให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนาแหล่งบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการและมีคุณภาพสูง เวียดนามต้องเน้นพัฒนาแหล่งบุคลากรมากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาระดับอุดมศึกษา ผมคิดว่า เวียดนามมีโอกาสมากมายในด้านนี้ ตลอดจนในด้านการวิจัยและนวัตกรรมอื่นๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์หรือการเกษตร”
ส่วนนาง Louise Adams ซีอีโอของบริษัท Aurecon ของออสเตรเลียได้แสดงความเห็นว่า โอกาสกำลังมีอยู่จริง และความพยายามของเวียดนามกำลังอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ
“บรรดารัฐมนตรีของเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามมีความประสงค์ที่จะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในตลาดโลกและได้สร้างความท้าทายในด้านใหม่ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว การดูแลประชาชน และสร้างอนาคตที่เจริญรุ่งเรือง ด้วยความรู้ของดิฉันเกี่ยวกับเวียดนาม ดิฉันเชื่อมั่นว่า เมื่อเวียดนามมีความทะเยอทะยาน เวียดนามจะสามารถทำสิ่งที่ต้องการได้”
ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า บวกกับการใช้โอกาสและการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบ เวียดนามจะมีบทบาทมากขึ้นในตลาดโลก และสร้างอนาคตที่เจริญรุ่งเรือง.