เวียดนามพยายามยกระดับประสิทธิภาพในการลงทุนภาครัฐ
Vĩnh Phong/VOV5 -  
(VOVWORLD) - การลงทุนภาครัฐคือด้านที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนาม ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้เปลี่ยนแปลงใหม่และปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนภาครัฐเพื่อมีส่วนร่วมปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จด้วยจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น
ในผลงานด้านเศรษฐกิจ-สังคมปี 2018 การขยายตัวจีดีพีใน 9เดือนที่ผ่านมาบรรลุร้อยละ 6.98 มีส่วนร่วมไม่น้อยจากการเสร็จสิ้นงานด้านการลงทุนภาครัฐ พร้อมกับกฎหมายการลงทุนภาครัฐที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2015 รัฐบาลเวียดนามได้ผลักดันการชี้นำให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆปฏิบัติการจัดสรร มอบหมายหน้าที่และปฏิบัติแผนการการลงทุนภาครัฐในระยะกลางโดยอาศัยแหล่งเงินทุนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ จากการปฏิบัติกฎหมายการลงทุนภาครัฐ สภาแห่งชาติได้อนุมัติมติเกี่ยวกับแผนการลงทุนภาครัฐระยะกลางในช่วงปี 2016-2020 หรือมติที่ 26 ซึ่งสร้างพื้นฐานทางนิตินัยอย่างพร้อมเพรียงและสำคัญในการบริหารการลงทุนภาครัฐ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เชิงก้าวกระโดดในการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหาร การสร้างความสมดุลและการจัดสรรแหล่งเงินทุนของประเทศสำหรับการลงทุนพัฒนา เปลี่ยนแปลงจากกลไกการบริหารตามแผนการลงทุนประจำปีมาเป็นการบริหารตามแผนการระยะกลางที่สอดคล้องกับแผนการประจำปี
ผลงานที่น่ายินดีในการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนภาครัฐ
หลังจากปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนภาครัฐมาเป็นเวลา 3 ปี เวียดนามได้บรรลุผลงานที่น่ายินดี โดยโครงสร้างเงินทุนภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงตามแนวทางการลงทุนในช่วงปี 2016-2020 ควบคู่กันนั้น ประสิทธิภาพการลงทุนทางเศรษฐกิจได้เพิ่มสูงขึ้นในเบื้องต้น การใช้แหล่งเงินทุนสังคม รวมทั้งเงินทุนภาครัฐได้รับการปรับปรุง และอัตราโครงการที่ปฏิบัติเล้วเสร็จและนำไปใช้เพิ่มขึ้น เป้าหมายปรับปรุงแหล่งเงินทุนและยกระดับประสิทธิภาพการใช้เงินทุนภาครัฐได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีในเบื้องต้น อัตราการลงทุนภาครัฐลดลงอยู่ที่ร้อยละ 34.5 ของยอดเงินลงทุนสังคม นาย ฝ่าม เติ๊ต ทั้ง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดหวิงลองได้แสดงความเห็นว่า การเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐได้รับการปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละเดือนและในไตรมาสต่างๆเนื่องจากความพยายามแก้ไขอุปสรรคของรัฐบาล “ผมชื่นชมความพยายามของรัฐบาลในเวลาที่ผ่านมา หลังจากปฏิบัติแผนการลงทุนภาครัฐในระยะกลางเป็นเวลา 3 ปี รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆได้เร่งปฏิบัติหน้าที่และเป้ามายที่ถูกระบุในมติ 26 ของสภาแห่งชาติและบรรลุผลงานที่น่ายินดี เป้าหมายปรับปรุงโครงสร้างและยกระดับประสิทธิภาพแหล่งเงินทุนภาครัฐได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีในเบื้องต้น การสร้างความสมดุลของแหล่งพลังในการลงทุนภาครัฐได้เน้นถึงโครงการเป้าหมายแห่งชาติ ผลักดันการลงทุนให้แก่ด้านต่างๆ เช่นสาธารณสุข การศึกษาและฝึกอบรม วัฒนธรรม”
แก้ไขอุปสรรคและข้อจำกัดเพื่อใช้แหล่งเงินทุนภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายหลัง 3 ปีที่มีการบังคับใช้กฎหมายลงทุนภาครัฐและมติของสภาแห่งชาติ พร้อมกับการเป็นฝ่ายรุกและความกระตือรือร้นของรัฐบาล กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่น การตรวจสอบอย่างเข้มงวดของสภาแห่งชาติ ระเบียบวินัยในการบริหารการลงทุนภาครัฐได้รับการผลักดัน ความสมดุลด้านการเงินได้รับการรักษา แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ความสามารถในการสร้างความสมดุลให้แก่งบประมาณแผ่นดินเพื่อจัดสรรเงินทุนในทุกๆปียังคงประสบอุปสรรคมากมาย อัตราการลงทุนยังอยู่ในระดับต่ำ เงินลงทุนสำหรับโครงการเป้าหมายแห่งชาติบรรลุร้อยละ 53 ของความต้องการเท่านั้น นาง หวู ถิ ลิว มาย ผู้แทนสภาแห่งชาติกรุงฮานอยได้แสดงความเห็นว่า เพื่อปฏิบัติการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์การลงทุนแบบกระจัดกระจายขาดประสิทธิผล “ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดสรรแหล่งพลัง โดยต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆที่ถูกระบุในข้อกำหนดของกฎหมาย การเสนอโครงการต้องมีการประสานงาน การเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างท้องถิ่นต่างๆในภูมิภาคเพื่อผลประโยชน์ในภาพรวมเพื่อแก้ไขปัญหามีโครงการขนาดเล็กมากเกินไปแต่ขาดโครงการขนาดใหญ่ที่มีการขยายผลในทั่วภูมิภาค เน้นให้ความสนใจมากขึ้นถึงการวางผัง เพราะการวางผังที่ไม่มีประสิทธิภาพก็จะเกิดโครงการลงทุนแบบกระจัดกระจายและไม่มีประสิทธิภาพ ปฏิบัติหลักการของรัฐอย่างเคร่งครัดโดยลงทุนในแขนงอาชีพและด้านที่เศรษฐกิจภาคอื่นๆไม่สามารถลงทุนได้”
นอกจากนั้น กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆยังประสบอุปสรรคมากมายในการปรับปรุงระเบียบการให้มีความสมบูรณ์และเลือกโครงการที่เหมาะสมเพื่อระบุในแผนการลงทุนในระยะกลาง
ในเวลาที่จะถึง สภาแห่งชาติ รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องทำการจัดสรรเงินทุนให้แก่เขตและท้องถิ่นยากจนต่างๆที่อยู่ในเป้าหมายได้รับการเบิกจ่ายเงินทุนอันดับแรกอย่างเข้มแข็งมากขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการใช้แหล่งเงินทุนช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาหรือโอดีเออย่างมีประสิทธิภาพให้มีความถูกต้องชัดเจน.
Vĩnh Phong/VOV5