เวียดนามมุ่งสู่การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูง

(VOVWORLD) - นโยบายเปิดประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอคือหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องและทันการณ์ของเวียดนาม ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเปลี่ยนแปลงอย่างน่ายินดี ผลการดึงดูดเอฟดีไอแสดงให้เห็นว่า เอฟดีไอนับวันมีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่การระดมเงินทุนจากต่างประเทศ เช่น เงินโอดีเอ กำลังลดลงและการลงทุนทางอ้อมยังขาดเสถียรภาพ ดังนั้นเอฟดีไอจึงยังคงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนาของเวียดนามในเวลาข้างหน้า
เวียดนามมุ่งสู่การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูง - ảnh 1นาย Michael Kelly ประธานหอการค้าสหรัฐประจำเวียดนามหรือ AmCham (Photo Tienphong.vn)

 

นับตั้งแต่กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนธันวาคมปี 1987 จนถึงปัจจุบันเวียดนามปฏิบัติมาตรการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอมาแล้ว 30 ปี ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้กลายเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนาม แต่ในสภาวการณ์ใหม่ เวียดนามควรปฏิบัติแนวทางใหม่ในการดึงดูดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

การดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูงคือแนวโน้มที่ต้องเกิด

หลังการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศเป็นเวลา 30 ปี ผลสำเร็จในด้านเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามมีส่วนร่วมสำคัญจากเอฟดีไอ แต่ในการปฏิบัติยังมีข้อจำกัดและข้อบกพร่องต่างๆ ดังนั้นเมื่อมองไปข้างหน้า เวียดนามจำเป็นต้องมีนโยบายแก้ไขอุสรรคเหล่านี้ให้ได้ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจภายในประเทศก็ส่งผลให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอในระยะต่อไป เพราะเงินทุนเอฟดีไอมีแนวโน้มลดลงในทั่วโลก ส่วนรูปแบบและวิธีการลงทุนใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมไปถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ การขยายตัวของลัทธิคุ้มครองการค้าและการต่อต้านการค้าเสรีพหุภาคี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้แนวโน้มการลงทุนในทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังมีขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ –สังคมของทุกประเทศอย่างลงลึกและรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงการผลิต การให้บริการ วิธีการประกอบธุรกิจ ความคุ้นเคยและพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิธีการสื่อสาร

ทั้งนี้และทั้งนั้นทำให้เวียดนามต้องกำหนดแนวทางดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอในระยะใหม่ คือต้องเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระบวนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 รวมไปถึงสถานประกอบการภายในประเทศเพื่อขยายผลในระบบเศรษฐกิจ ให้ความสนใจต่อโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ประหยัดพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกมากขึ้น นายเหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนามเผยว่า            “เป้าหมายโดยรวมของเวียดนามในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศในเวลาข้างหน้าคือ เน้นถึงหน่วยงานอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการเกษตรอัจฉริยะ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิกให้ทันสมัย โดยเฉพาะหน่วยงานใหม่ๆบนพื้นฐานของอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อสร้างศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่างๆ”

มาตรการที่เป็นรูปธรรมต่างๆ

เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ก่อนอื่น เวียดนามควรปรับปรุงกลไกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อสามารถเลือกและดึงดูดโครงการเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูง เหมาะสมกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการเปลี่ยนแปลงของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสภาวการณ์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และแนวโน้มการเคลื่อนย้ายกระแสเงินทุนต่างประเทศ รัฐเวียดนามควรประกาศนโยบายต่างๆเพื่อพัฒนาสถานประกอบการให้เข้มแข็งทัดเทียมกับสถานประกอบการต่างประเทศเพื่อให้สถานประกอบสองภาคนี้สามารถร่วมมือและเชื่อมโยงกันได้

การผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างภาคเศรษฐกิจเอฟดีไอกับสถานประกอบการภายในประเทศคือแนวทางสำคัญเพื่อเพิ่มมูลค่าและพัฒนาระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในขณะที่การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 กำลังทำให้รูปแบบการผลิตต่างๆในทั่วโลกหันไปใช้ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ในการผลิตประกอบธุรกิจและการให้บริการในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ นาย Michael Kelly ประธานหอการค้าสหรัฐประจำเวียดนามหรือ AmCham กล่าวว่า            “AmCham จะร่วมมือกับสำนักงานตัวแทนการค้าของสหรัฐปฏิบัติโครงการส่งเสริมสถานประกอบการให้เชื่อมโยงกับระบบสถานประกอบการทั่วโลกเพื่อช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามพัฒนาอย่างรอบด้านและเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ เวียดนามมีโอกาสพัฒนาสูง ดังนั้น AmCham จะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อสนับสนุนเวียดนาม”

ควบคู่กันนั้น เวียดนามต้องปรับปรุงแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างแถวขบวนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิกและด้านเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการในการดำเนินงาน พร้อมทั้งตระหนักได้ดีเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยในการทำงานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพิ่มทักษะความสามารถในการบริหารสถานประกอบการ การผลิตและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เวียดนามควรเน้นสร้างสรรค์รูปแบบสถานที่ผลิตและสถานที่จำหน่ายให้เป็นที่เดียวกัน เพิ่มทักษะความสามารถในการจัดสรรวัตถุดิบเพื่อใช้ศักยภาพของอุตสาหกรรมประกอบได้อย่างเต็มที่

การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศคือการแข่งขันระหว่างบรรดาประเทศที่มีข้อจำกัดในด้านแรงงานและเงินทุน ถ้าหากประเทศใดสามารถสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีได้ มีกลไกที่สะดวก โปร่งใสและเสถียรภาพ ประเทศนั้นก็จะสามารถดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอได้มาก ดังนั้น เวียดนามต้องตระหนักได้ดีเกี่ยวกับเป้าหมายการดึงดูดเอฟดีไอและในเวลาข้างหน้าต้องปฏิบัติมาตรการดึงดูดต่างๆเพื่อช่วยให้ประเทศมีอีกแหล่งพลังเพื่อพัฒนาประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด