(VOVworld)-วันที่ ๒๑ กันยายนปีค.ศ. ๑๙๗๓ ก่อนหน้านี่ ๔๐ ปี เวียดนามและญี่ปุ่นได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ  ตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งญี่ปุ่นได้กลายเป็นหุ้นส่วนหลักในหลายด้านของเวียดนาม  ในโอกาสฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นครบรอบ ๔๐ ปี  นายฝ่ามบิ่นห์มินห์ รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับระยะทางร่วมมือระหว่างสองประเทศใน ๔๐ ปีที่ผ่านมาและลู่ทางความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นในอนาคต

นายฝ่ามบิ่นห์มินห์รัฐมนตรีต่างประเทศ

นายฝ่ามบิ่นห์มินห์รัฐมนตรีต่างประเทศเห็นว่า ภายหลังสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมา ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นในขณะนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยทั้งสองประเทศได้กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญของกันในทุกด้านไม่ว่าจะในด้านการเมือง การทูต เศรษฐกิจและการค้า การลงทุน เงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา ทรัพยากรณ์มนุษย์ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการพบปะช่องทางประชาชน ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์นับตั้งแต่ปี ๒๐๐๙ เพื่อสันติภาพและความมีเสถียรภาพในเอเชีย  นายฝ่ามบิ่นห์มินห์ชี้ชัดว่า  “ บรรดาผู้นำของทั้งสองประเทศได้ไปมาเยี่ยมเยือนและพบปะกันอยู่เสมอจึงมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างสองประเทศ รวมถึงชี้นำการปฏิบัติแนวทางใหญ่ๆและมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันความร่วมมือทวิภาคี  นอกจากคณะกรรมการร่วมมือเวียดนาม-ญี่ปุ่นที่เป็นกลไกร่วมมือกันอยู่แล้ว กลไลเจรจาอื่นๆในความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ความร่วมมือระหว่างกระทรวงและหน่วยงานต่างๆระหว่างทั้งสองฝ่ายได้รับการขยายและมีประสิทธิภาพ  ทั้งสองฝ่ายยังคงร่วมมือกันอย่างกระตือรือร้นในเวทีและองค์การระหว่างประเทศและภูมิภาคเช่น สหประชาชาติ อาเซียน เอเปกและองค์การร่วมมือแม่โขง-ญี่ปุ่น ”

นายฝ่ามบิ่นห์มินห์ รัฐมนตรีต่างประเทศย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีงามระหว่างสองประเทศได้ส่งผลในทางบวกต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว  โดยญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนอันดับแรกของเวียดนาม เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดและปล่อยเงินกู้เพื่อการพัฒนาหรือโอดีเอรายใหญ่อันดับต้นๆให้แก่เวียดนาม  ซึ่งที่เห็นได้ชัดคือ นับตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๙๒ มาจนถึงปัจจุบัน ญี่ปุ่นได้ปล่อยวงเงินโอดีเอ ๒ หมื่น ๑ พันล้านเหรียญสหรัฐให้แก่เวียดนาม คิดเป็นร้อยละ ๓๐ ของวงเงินโอดีเอที่ประชมคมระหว่างประเทศให้สัญญาแก่เวียดนาม  ในด้านการค้า ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้ารายใหญ่รายที่ ๓ ของเวียดนาม โดยมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศในปี ๒๐๑๒ ที่ผ่านมาอยู่ที่ ๒ หมื่น ๔ พัน ๗ ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ  สองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเช่น ข้อตกลงหุ้นส่วนร่วมมือทางเศรษฐกิจที่อำนวยความสะดวกและเป็นพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่กิจกรรมร่วมมือทางเศรษฐกิจ  ส่วนความร่วมมือในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรม กีฬาและการพบปะระหว่างท้องถิ่นต่างๆได้เป็นไปอย่างคึกคัก  โดยปี ๒๐๑๒ มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกว่า ๕ แสนคนได้มาเยือนเวียดนาม ส่วนเวียดนามมีนักศึกษากว่า ๒ หมื่นคนกำลังศึกษาและทำงานในญี่ปุ่น  นี่คือผลแห่งความพยายามระหว่างรัฐบาลและประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อทำนุบำรุงและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมา นายฝ่ามบิ่นห์มินห์ยืนยันว่า  “ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว  สมบัติอันล้ำค่าของสองประเทศคือความไว้วางใจและความร่วมมือในทุกด้าน ซึ่งสะท้อนจากการที่ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้วยความเห็นชอบอย่างสูงจากบรรดาผู้นำและการสนับสนุนจากประชาชนทั้งสองประเทศ นับเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นให้เข้าสู่ส่วนลึกอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ”

นายฝ่ามบิ่นห์มินห์รัฐมนตรีต่างประเทศเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นมีมามากกว่า ๔๐ ปีเนื่องจากประชาชนทั้งสองประเทศได้มีการพบปะกันมาช้านาน  ซึ่งก่อนหน้านี้ ๔๐๐ ปี เรือพาณิชย์ญี่ปุ่นได้เดินทางไปยังเมืองเฮี้ยนภาคเหนือและฮอยอานภาคกลางเวียดนามเพื่อค้าขาย ซึ่งยังมีร่องรอยของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการค้าระหว่างสองประเทศหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน และที่เห็นชัดคือ สะพานญี่ปุ่นในเมืองเก่าฮอยอาน  ทุกวันนี้ ความร่วมมือระหว่างรัฐสภา รัฐบาลและพรรครัฐบาลของสองประเทศ รวมถึงความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นและองค์การมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นพัฒนาอย่างกว้างลึกและหลายรูปหลายแบบอย่างมีประสิทธิภาพ  วัฒนธรรมเวียดนามนับวันได้รับการเผยแพร่ในญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ส่วนชาวเวียดนามนั้นก็คุ้นเคยกับดอกซากุระและชาญี่ปุ่นมากขึ้น  การไปมาเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันและความคล้ายคลึงกันทางประเพณีและวัฒนธรรมได้ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดและเข้าใจกันมากขึ้น นายฝ่ามบิ่นห์มินห์เห็นว่า  “ การทูตช่องทางประชาชนมีส่วนร่วมสำคัญต่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น ส่วนความพยายามของรัฐบาลทั้งสองประเทศก็จะสร้างบรรยากาศที่สะดวกให้แก่การขยายการพบปะและความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศยิ่งขึ้น  ผมเชื่อมั่นว่า ความไว้วางใจกันและความผูกพันอย่างเหนียวแน่นระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศจะส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นอย่างยั่งยืน ”    อาจกล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในเวลาที่จะถึงบนพื้นฐานของผลงานอันดีงามในตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมา./.