(VOVworld) - ในจำนวนผลงานที่ได้รับรางวัลหนังสือพิมพ์แห่งชาติปี 2015 ผลงานรายการกระจายเสียง “ จากมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 ถึงมหาชัยชนะในยามสันติ”ของส่วนกระจายเสียงภายในประเทศได้รับรางวัลเกรดเอ ซึ่งเป็นผลงานเพียงชิ้นเดียวที่มีเนื้อหาบอกเล่าเกี่ยวกับมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 และเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการปรองดองชาติในช่วงหลังสงคราม ซึ่งแม้จะเป็นหัวข้อเก่าแต่ก็ได้นำเสนอมุมใหม่ๆ จนได้รับคำชื่นชมจากผู้ฟังจำนวนมาก

“จากมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 ถึงมหาชัยชนะในยามสันติ” เป็นหัวข้อที่ยากจะนำเสนอในยามสันติเพราะบรรดาผู้จัดทำรายการล้วนเป็นคนที่เกิดหลังสงครามและกำลังทำงานในสถานีวิทยุเวียดนาม ประกอบด้วยคุณเหงียนสีแค้ง เหงียนถิหั่งงา เหงียนถิทูหว่า ด่าวแทงเจื่อง เหงียนถิหั่งและเหงียนวันเกื่อง ผลงานฯมีความยาว 1 ชั่วโมง แบ่งเป็นสองส่วนคือ “มหาชัยชนะวันที่ 30 เมษายนปี 1975 ความมุ่งมั่นและสติปัญญาเวียดนาม” และ “การปรองดองชาติเพื่อจะมีมหาชัยชนะในยามสันติ จากมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังจากประเทศได้รวมเป็นเอกภาพ กลุ่มผู้จัดทำรายการได้พยายามสะท้อนความปราถนาที่นำเจตนารมณ์ของมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 เข้าในภารกิจการสร้างสรรค์ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ยังสงวนเวลาส่วนหนึ่งเพื่อวิเคราะห์และทบทวนประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะวันที่สำคัญ 30 เมษายนปี 1975 ซึ่งไม่เพียงแต่จากมุมมองของคนที่เข้าร่วมสงครามเท่านั้น หากยังมีการวิเคราะห์และประเมินของชาวต่างชาติผ่านบทความที่ลงในหนังสือพิมพ์ต่างชาติอีกด้วย แต่ยังย้ำเป็นพิเศษถึงภารกิจการปรองดองชาติ นางเหงียนถิหั่งงา ผู้จัดทำรายการคนหนึ่งเผยว่า “เพื่อให้ได้มหาชัยชนะในยามสันติ เราต้องปฏิบัติตามโทรเลขของพลเอกหวอเงวียนย้าปคือ “ต้องเร็ว เร็วยิ่งขึ้น  ต้องกล้าหาญ กล้าหาญยิ่งขึ้น” ในการสร้างสรรค์ประเทศและยืนยันสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก แต่เพื่อจะทำได้เช่นนั้น เราต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์การใกล่เกลี่ยและปรองดองชาติ สมานแผลสงคราม สามัคคีและร่วมแรงร่วมใจพัฒนาประเทศ 40 ปีไม่ใช่เวลาที่ยาวนานในประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศแต่ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับชีวิตของแต่ละคนเพื่อสมานแผลสงคราม เพื่อให้ชาวเวียดนามที่ในอดีตต้องเผชิญหน้ากันหันมาสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวแล้วก้าวไปข้างหน้า”
เพื่อให้ได้มุมมองที่มีภาวะวิสัย กลุ่มผู้จัดทำรายการต้องแสวงหาข้อมูลเอกสารอย่างระมัดระวัง ซึ่งช่วยสร้างความซาบซึ้งใจต่อผู้ฟังทุกคน คุณด่าวแทงเจื่อง สมาชิกคนหนึ่งกล่าวว่า “พวกเราโชคดีที่เป็นผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนาม ซึ่งมีสำนักงานตัวแทนในทั่วประเทศและในประเทศต่างๆทั่วโลก ดังนั้นการแสวงหาข้อมูลและบุคคลจึงไม่ยากมาก อย่างเช่น เมื่อกล่าวถึงกรณีครอบครัวชาวเวียดนามที่ลูกๆของเขาต่างคนต่างอยู่ฝั่งตรงข้ามในสมัยสงคราม ซึ่งพวกเขาได้กล่าวถึงความปวดร้าวจากสงครามและการปรองดองชาติซึ่งช่วยให้ผู้ฟังมีความซาบซึ้งใจมาก”

ส่วนนักข่าวเหงียนถิทูหว่าให้ข้อสังเกตว่า เพื่อให้ได้ผลงานที่ดี จำเป็นต้องค้นคว้ารายละเอียดและมุมมองการเข้าถึงใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาร้อนของประเทศในปัจจุบัน “หัวข้อเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ไม่น่าสนใจ ดังนั้นพวกเราต้องพยายามทำให้มันน่าสนใจผ่านการพูดคุยกับบุคคลทางประวัติศาสตร์ อย่างเช่น หิ้งบูชาของครอบครัวของทหารผ่านศึกเหงียนวันเทาะที่นครดานังที่มีลูกสองคนอยู่ในแต่ละฝ่าย ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับคุณเหงียนหงอกเหลิบที่เคยสนับสนุนฝ่ายศัตรูแต่ได้ร้องไห้เมื่อมาเยือนหมู่เกาะเจื่องซา เรื่องนี้ถูกเล่าบนเสียงประกอบและดนตรี ซึ่งช่วยให้รายการน่าสนใจมากขึ้น”
สงครามได้ผ่านพ้นไป 40 ปี ถึงเวลาแล้วที่ชาวเวียดนามทุกคนต้องแปรความปรารถนาเกี่ยวกับการปรองดองชาติและการสร้างสรรค์ความสามัคคีชนในชาติให้กลายเป็นความจริง โดยต้องมองข้ามอดีต ยุติอคติและส่งสาส์นเกี่ยวกับการปรองดองชาติ ซึ่งนี่คือความปรารถนาของกลุ่มผู้จัดทำรายการ.