นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงเจรจากับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

(VOVworld) - ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและการต่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงเจรจากับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ - ảnh 1
นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนเติ๊นหยุง

(VOVworld) – บ่ายวันที่ 21 พฤษภาคม ณ ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในกรุงมะนิลา ท่าน เบนิกโน อากิโนที่สาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงพร้อมคณะผู้แทนเวียดนามที่เดินทางไปเยือนประเทศฟีลิปปินส์เนื่องในโอกาสเข้าร่วมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกหรือ WEF เกี่ยวกับเอเชียตะวันออกที่มีขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม หลังพิธีต้อนรับ นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงและประธานาธิบดีเบนิกโน อากิโนที่สามได้เข้าร่วมการเจรจาโดยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นพ้องมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและขยายความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนที่ประท้วงและเรียกร้องให้ทุกประเทศและประชาคมระหว่างประเทศประท้วงและเรียกร้องให้จีนยุติการกระทำที่รุกล้ำเขตทะเลของบรรดาประเทศริมฝั่งทะเลอย่างอุกอาจ ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและการต่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ ตลอดจนเห็นพ้องกันที่จะจัดคณะกรรมการปฏิบัติงานร่วมสังกัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเพื่อร่างขั้นตอนสู่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์
            โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองท่านได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับปัญหาต่างๆของภูมิภาคและโลก เห็นพ้องกันที่จะประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและประสานงานกับบรรดาประเทศอาเซียนเพื่อพยายามสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคีและเข้มแข็งในปี 2015 ให้ประสบความสำเร็จ ประสานและช่วยเหลือกันบนเวทีโลกและภูมิภาคต่อไป สำหรับสถานการณ์ในทะเลตะวันออก ท่านเหงียนเติ๊นหยุงได้ยืนยันว่า ผมและท่านประธานาธิบบดีเบนิกโน อากิโนที่สามได้แลกเปลี่ยนความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อันตรายเป็นพิเศษในทะเลตะวันออกปัจจุบันเนื่องจากการที่จีนได้มีการเคลื่อนไหวที่ละเมิดกฎหมายสากล อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 รุกล้ำเขตทะเลของบรรดาประเทศริมฝั่งทะเลอย่างอุกอาจ โดยเฉพาะการติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 อย่างผิดกฎหมายและส่งเรือคุ้มกันจำนวนมากรุกล้ำลึกเข้าไปในบริเวณไหล่ทวีปและเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนาม คุกคามอย่างรุนแรงต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและการเดินเรืออย่างเสรีในทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายยืนหยัดประท้วงและเรียกร้องให้ทุกประเทศและประชาคมระหว่างประเทศเรียกร้องให้จีนยุติการกระทำที่รุกล้ำดังกล่าวทันที ปฏิบัติตามกฎหมายสากล อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 แถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีและพยายามบรรลุร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว”
            เมื่อกล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้น รวมทั้งความท้าทายที่ทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามที่กำลังเผชิญอยู่ ท่าน เบนิกโน อากิโนที่สามได้ระบุว่า การที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามขยายความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคง ไม่เพียงแต่กระชับความไว้วางใจและความเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้นหากยังขยายความสามารถให้แก่กองทัพทั้งสองประเทศอีกด้วย ผู้นำทั้งสองท่านก็ยืนยันอีกครั้งว่า ความร่วมมือด้านทะเลและมหาสมุทรเป็นหนั่งในเสาหลักของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและเห็นพ้องกันว่า จะแลกเปลี่ยนและร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในกลไกทวิภาคีต่างๆ เช่น คณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือทางทะเลและมหาสมุทร เป็นต้น./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด