นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ให้การต้อนรับนาย Marc Evans Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนาม

นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ได้ยืนยันว่าสหรัฐเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของเวียดนามและเวียดนามปรารถนาที่จะร่วมกับสหรัฐนำความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านพัฒนาในเชิงลึกและมีประสิทธิภาพ  นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งได้ประเมินว่าความร่วมมือในการแก้ไข้ผลเสียจากสงครามถือเป็นจุดเด่นในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ และการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ความร่วมมือในด้านความมั่นคง - การป้องกันประเทศ การศึกษา เป็นต้นก็เป็นด้านที่สำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี

ส่วนเอกอัครราชทูต Marc Evans Knapper ได้ชื่นชมการพัฒนาของเวียดนามในทุกด้านในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19และการฟื้นฟูการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมหลังวิกฤตโรคระบาด เอกอัครราชทูตให้คำมั่นว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆของเวียดนามอย่างแข็งขันในการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าและการลงทุน และเพิ่มความร่วมมือในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน การฝึกอบรมด้านทรัพยากรมนุษย์  การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล เป็นต้น เอกอัครราชทูต ยืนยันว่าสหรัฐจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนเวียดนาม และมั่นใจว่าโครงการฟื้นฟูที่รวดเร็วและยั่งยืนของเวียดนามจะประสบผลสำเร็จ 

ในระดับภูมิภาคและพหุภาคีเอกอัครราชทูต Marc Evans Knapper ยืนยันความปรารถนาของสหรัฐในการเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา  ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง และเอกอัครราชทูต Marc Evans Knapper ยังได้หารือเกี่ยวกับจุดยืนของประเทศอาเซียนในการค้ำประกันความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออกและการแก้ไขการพิพาทอย่างสันติตามหลักกฎหมายสากล.