เวียดนาม-อังกฤษเห็นพ้องที่จะรับรองวัคซีนพาสปอร์ต
(VOVWORLD) -เมื่อบ่ายวันที่ 26 ตุลาคม นาย ฝามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับนาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ
นาย ฝามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม |
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องที่จะประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันการปฏิบัติแนวทางความร่วมมือด้านการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา การศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี กลาโหม-ความมั่นคง การพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน พร้อมทั้งเสนอให้อังกฤษสนับสนุนการนำเข้าสินค้าเวียดนามและส่งเสริมให้สถานประกอบการอังกฤษขยายการลงทุนในด้านที่มีศักยภาพในเวียดนาม เช่น การเงิน ธนาคาร ปิโตรเลียม การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน เศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิต เป็นต้น ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องที่จะรับรองวัคซีนพาสปอร์ตระหว่างกันโดยเร็วเพื่อเอื้อให้แก่การฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนสินค้าและการท่องเที่ยว ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ได้เสนอให้อังกฤษช่วยเหลือเวียดนามในการเข้าถึงวัคซีน ยารักษาโรคโควิด -19 การพัฒนาอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ โดยเฉพาะการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด -19 นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ยังชื่นชมบทบาทการเป็นผู้เดินหน้าของอังกฤษในการปฏิบัติคำมั่นและความคิดริเริ่มต่างๆในการประชุม COP 26 พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามให้คำมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับอังกฤษเพื่อให้การประชุมประสบความสำเร็จ
ส่วนนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์สัน ได้ประกาศว่า อังกฤษจะให้ความช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ มูลค่า 5 แสนปอนด์แก่เวียดนามผ่าน UNICEF พร้อมทั้งยืนยันว่า อังกฤษถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญในภูมิภาคในสภาวการณ์ที่อังกฤษกำลังปรับปรุงนโยบายตามแนวทางการผลักดันความร่วมมือกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อีกทั้งย้ำว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่เนื่องจากมีข้อตกลง UKFTA มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศยังคงเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในช่วง 7 เดือนนับตั้งแต่ต้นปี 2021 อยู่ที่เกือบ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.92
ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน ย้ำถึงความสำคัญของการค้ำประกันเสรีภาพในการเดินเรือ การบิน ความมั่นคงและสันติภาพในทะเลตะวันออก ให้ความสำคัญต่อกฎหมายสากล โดยถืออนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เป็นกรอบทางนิตินัยสำหรับทุกกิจกรรมทางทะเลและมหาสมุทร.