เวียดนามและออสเตรเลียยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน
(VOVWORLD) -เช้าวันที่ 7 มีนาคม ณ อาคารรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย นาย แอนโทนี แอลบานีซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียพร้อมภริยาได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งพร้อมภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนาม
นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือ 11 ฉบับระหว่างสองประเทศ |
ในการเจรจาภายหลังพิธีต้อนรับ นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆให้เข้าสู่ส่วนลึก มีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น ส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมือง การทูตและยุทธศาสตร์ในระดับที่สูงขึ้น ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนที่ครอบคลุม จริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลักดันความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การปรับเปลี่ยนเข้ายุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งมากขึ้น ความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหม โอกาสนี้ เวียดนามและออสเตรเลียได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน
ในการพบปะกับสื่อมวลชนหลังการเจรจา นายกรัฐมนตรี แอนโทนี แอลบานีซี เผยว่า การที่ทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านก็เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างกว้างลึก จริงจังและมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนด้านพลังงาน การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล นวัตกรรม การค้า การลงทุน การเกษตรและกลาโหม เป็นต้น ทั้งสองประเทศผลักดันความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ ผลักดันความร่วมมือในด้านการศึกษาและฝึกอบรม แรงงานและงานทำ เห็นพ้องเกี่ยวกับข้อตกลงหุ้นส่วนเกี่ยวกับการรักษาสันติภาพ ยกระดับการสนทนาด้านความมั่นคงระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลียขึ้นเป็นระดับรัฐมนตรี
ส่วนนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง เผยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนกันในฟอรั่มพหุภาคี โดยเฉพาะสหประชาชาติและอาเซียน มีความประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาการปะทะด้วยสันติวิธี ผลักดันความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไม่ใช้กำลังหรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง ให้ความเคารพกฎหมายสากล กฎบัตรสหประชาชาติ มุ่งสู่การปกป้องประชาชน ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการค้ำประกันสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก แก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายสากล แลกเปลี่ยนข้อมูลและผลักดันความร่วมมือ พยายามสร้างสรรค์ทะเลตะวันออกให้กลายเป็นเขตทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในทุกด้าน
ทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะอำนวยความสะดวก ค้ำประกันสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายให้แก่ประชาชน สถานประกอบการทั้งสองประเทศที่อาศัย ทำงานและศึกษาในแต่ละประเทศ ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือ 11 ฉบับระหว่างสองประเทศ.