65ปีความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียและและเส้นทางในระยะต่อไป
Phương Thảo -  
(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี1955 อินโดนีเซียได้กลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามอย่างเป็นทางการและในปี2020 ทั้ง 2 ประเทศจะรำลึกครบครอบ65 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ผ่านช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่างๆในภูมิภาคและโลก เวียดนามและอินโดนีเซียยังคงสนับสนุนและช่วยเหลือกันอยู่เสมอ จากความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำรุ่นต่างๆและประชาชน ความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง กว้างลึกและมีประสิทธิภาพทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งเวียดนามและอินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของกันในภูมิภาค
บรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม |
“อาจกล่าวได้ว่า เวียดนามและอินโดนีเซียคือหุ้นส่วนที่มีความเชื่อมโยงด้วยความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถานะทางภูมิศาสตร์และผลประโยชน์ร่วมในภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ประธานโฮจิมินห์และประธานาธิบดี สุการ์โน ได้วางรากฐานไว้ เวียดนามและอินโดนีเซียได้มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อกระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคีและพัฒนา”
นี่คือคำกล่าวของนาย เหงวียนก๊วกหยุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามในการสัมมนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และการประชุมในหัวข้อ “หวนมอง 65 ปีความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซีย และเส้นทางในระยะต่อไป”เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย ในการนี้ บรรดาวิทยากรได้เผยว่า ในตลอด 65ปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดกิจกรรมที่สำคัญต่างๆเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆในภูมิภาคและโลก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียได้รับการเสริมสร้างให้แน่นแฟ้นมากขึ้นและได้รับการยกระดับจากความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2013ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อบทบาทและสถานะของอีกฝ่ายในภูมิภาค นาย Ibnu Hadi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามได้ประเมินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียว่า“ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มองเห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดีงามในตลอด 65ปีที่ผ่านมา ซึ่งความสัมพันธ์นี้จะพัฒนามากขึ้นในเวลาข้างหน้าเพราะพวกเราต้องให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ รวมถึงเวียดนามเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ”
จากการสานต่อพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ที่มั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียได้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เช่น การเมือง กลาโหม ความมั่นคง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ควบคู่กันนั้น ความร่วมมือระดับท้องถิ่นและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนก็ได้รับการส่งเสริม ในรอบ 5ปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศได้เพิ่มขึ้นจาก5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2014 ขึ้นเป็น 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2019 หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ในสภาวการณ์ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19ได้ทำให้เศรษฐกิจต่างๆชะลอตัว ใน 9เดือนแรกของปี 2020 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเวียดนาม-อินโดนีเซียยังคงบรรลุ 5.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและทั้งสองฝ่ายจะพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1หมื่นล้านดอลลาณ์สหรัฐตามที่ระบุในแผนการปฏิบัติช่วงปี 2019-2023 ปัจจุบัน อินโดนีเซียคือหุ้นส่วนการลงทุนที่น่าไว้วางใจของเวียดนาม จากศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ประชากรและความต้องการพัฒนา ยังมีโอกาสอีกมากเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ซึ่งเพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ในเวลาข้างหน้า นาง เหงวียนแทงห่า อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานทูตเวียดนามประจำอินโดนีเซียได้เสนอว่า“หนึ่งคือต้องผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ โดยเฉพาะคณะผู้แทนระดับสูงเพื่อขยายความเข้าใจและความไว้วางใจทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศ สองคือ ต้องใช้ประโยชน์จากความคล้ายคลึงกันในด้านความมุ่งมั่นเพื่อเอกราช จิตใจแห่งการพึ่งพาตนเอง การเชิดชูลัทธิพหุภาคีและการเคารพกฎหมายสากล สามคือต้องขยายการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะในอาเซียน”
ภาพการสัมมนา |
ในปี 2020 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ซับซ้อน ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้หารือถึงประสบการณ์ในการรับมือการแพร่ระบาด มาตรการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าและสนับสนุนสถานประกอบการฟื้นฟูการผลิต ประกอบธุรกิจและช่วยเหลือให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติ นาย Mahendra Siregar รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียได้เสนอมาตรการเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศว่า“หนึ่งคือ เวียดนามและอินโดนีเซียควรขยายความร่วมมือด้านสัตว์น้ำผ่านการปรับปรุงบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสัตว์น้ำ ส่งเสริมการลงทุนด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สองคือสถานประกอบการทั้ง 2 ประเทศควรกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนและใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆ สามคือประยุกต์ใช้วิธีการเข้าถึงต่างๆเพื่อเดินหน้าการไม่ใช้มาตรการด้านภาษี สี่คือ กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจนวัตกรรมและสร้างโอกาสต่างๆให้แก่เยาวชนทั้ง 2 ประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและโครงการวิจัยต่างๆ”
เวียดนามและอินโดนีเซียมีผลประโยชน์ร่วมกันในการส่งเสริมการเชื่อมโยงในภูมิภาคและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก โดยได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนกันในกลไกและฟอรั่มทั้งในภูมิภาคและโลก เช่น สหประชาชาติ อาเซียน องค์การการค้าโลก เอเปกและอาเซม เป็นต้น โดยเฉพาะในปี 2020 เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนและทั้ง 2 ประเทศปฏิบัติหน้าที่สมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยทั้ง 2 ประเทศได้มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อกระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคีและพัฒนา ประสานงานอย่างใกล้ชิดในปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคและส่งเสริมจุดยืนของอาเซียนเกี่ยวกับมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิก นาย เหงวียนก๊วกหยุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำว่า“ศักยภาพความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศยังมีอีกมาก โดยได้รับการส่งเสริมผ่านการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของแต่ละประเทศ การปฏิบัติตามแนวโน้มการพัฒนาของโลก รวมถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 และการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและสามัคคี เวียดนามและอินโดนีเซียควรกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ดีงามและมีส่วนร่วมต่อประชาคมอาเซียนที่เป็นหนึ่งเดียว เป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวและเจริญรุ่งเรือง”
เวียดนามและอินโดนีเซียเป็น 2 ประเทศที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียและมีบทบาทที่สำคัญในประชาคมอาเซียน การที่ทั้ง 2 ประเทศกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นไม่เพียงแต่ตอบสนองผลประโยชน์ของแต่ละประเทศเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อความสามัคคีและการพัฒนาอาเซียนอย่างเข้มแข็งอีกด้วย บนพื้นฐานของความสัมพันธ์มิตรภาพที่ดีงาม ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียจะนับวันพัฒนามากขึ้นเพื่อตอบสนองความปรารถนาและผลประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ดั่งเช่นคำกล่าวของประธานโฮจิมินห์ในโอกาสต้อนรับประธานาธิบดี สุการ์โน ที่เดินทางมาเยือนเวียดนามเมื่อปี 1959 ว่า “แม้เราจะอยู่ห่างไกลกันแต่ใจไม่ห่างกันเพราะเราเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องกัน”
Phương Thảo