เจื่องเซินตะวันตก-เส้นทางแห่งตำนานของพันธมิตรการต่อสู้เวียดนาม-ลาว
Minh Đức -  
(VOVWORLD) - ท่านผู้ฟังคะ เส้นทางผ่านป่าอันกว้างใหญ่ในภาคกลางและภาคใต้ของลาวเป็นเส้นทางสนับสนุนสมรภูมิภาคใต้ ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งของเส้นทางเจื่องเซิน – โฮจิมินห์ในประเทศลาวที่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของพันธมิตรการต่อสู้เวียดนาม – ลาวแห่งมิตรภาพพิเศษระหว่างกองทัพและประชาชนทั้งสองประเทศ สำหรับบุคคลชาวลาวที่เคยมีความผูกพันกับเส้นทางสายนี้ก็จะไม่สามารถลืมช่วงเวลาที่ดุเดือดและยากลำบากแต่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและความรุ่งโรจน์ดังกล่าวได้
เจื่องเซินตะวันตก-เส้นทางแห่งตำนานของพันธมิตรการต่อสู้เวียดนาม-ลาว |
สำหรับชาวลาวที่เคยมีช่วงวัยเยาว์ผูกพันกับการต่อสู้ของประเทศลาว สถานที่ต่างๆ เช่น บ้านดง เซปอน เมืองพินและถนนหมายเลข 9 ในภาคใต้ของลาวคือความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนเมื่อนึกถึงสงครามอันดุเดือด และจิตใจพร้อมเสียสละพร้อมความรักเยี่ยงพี่น้องและความเป็นสหายกับทหารและอาสาสมัครเยาวชนเวียดนามที่ได้เปิดเส้นทางโฮจิมินห์ในภาคตะวันตกของเจื่องเซิน นาย Keola Chanxina ปีนี้อายุกว่า 80 ปีที่เคยเข้าร่วมการปฏิวัติที่สะหวันนะเขตเป็นเวลาหลายปี เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารเวียดนามในการสู้รบที่บ้านดง เซปอนและเมืองพินเพื่อรักษาความปลอดภัยของเส้นทางเจื่องเซินตะวันตกที่พาดผ่านจังหวัดต่างๆในภาคกลางและภาคใต้ของลาวและสร้างสรรค์ทางการของเขตปลดปล่อยนั้นก็ ไม่สามารถลืมช่วงเวลาที่ยากลำบากแห่งการช่วยเหลือจุนเจือกันบนเจตนารมณ์ของพันธมิตรแห่งการต่อสู้เวียดนาม-ลาว นาย Keola Chanxina เผยว่า“เส้นทางโฮจิมินห์มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อสงครามปลดปล่อยภาคใต้ เพราะเป็นเส้นทางสนับสนุนสมรภูมิภาคใต้ของเวียดนาม ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ของพันธมิตรการต่อสู้ระหว่างกองทัพและการปฏิวัติของเวียดนาม-ลาว ถ้าหากไม่มีเส้นทางลำเลียงเสบียงจากภาคเหนือสู่ภาคใต้ การปลดปล่อยภาคใต้เวียดนามจะเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง และไม่อาจได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และรวดเร็วเช่นนี้”
เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องเดินเท้าบนเส้นทางผ่านป่าที่ทหารเวียดนามเปิด นาย วิไลวรรณ พรมเค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของลาว อดีตเลขาธิการพรรคสาขาและเจ้าแขวงสะหวันนะเขตได้ชื่นชมจิตใจแห่งความกล้าหาญและความฉลาดสร้างสรรค์ของกำลังลำเลียงเสบียงกรังจากภาคเหนือสนับสนุนให้แก่สมรภูมิภาคใต้ของเวียดนาม ทั้งผ่านทางบก ถนนระหว่างหมู่บ้านและทางน้ำ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางเมื่อถูกเครื่องบินของศัตรูโจมตี การเปิดทางไปถึงที่ไหน ชีวิตของชุมชนชาวลาวที่นั่นก็เปลี่ยนแปลงเพราะทหารเวียดนามได้ ช่วยเหลือประชาชนทำการผลิต ช่วยจัดตั้งทางการปกคองปฏิวัติลาวและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่น “เส้นทางโฮจิมินห์มีความหมายสำคัญมาก หนึ่งคือการปลดปล่อยภาคใต้อย่างสมบูรณ์ สองคือชัยชนะวันที่ 30 เมษายนก็มีผลช่วยให้ลาวได้รับการปลดปล่อยและยึดคืนอำนาจการปกครองอย่างรวดเร็วเช่นกัน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากการปฏิวัติเวียดนาม กระบวนการปฏิวัติลาวก็คงดำนินการได้ยากเพราะ ถึงแม้จะทุ่มเทสรรพกำลังและเสียสละเท่าใดก็ตาม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่ เมื่อเราเข้ายึดคืนอำนาจการปกครองเมื่อปี 1975 ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในเขตปลดปล่อยเก่าในการจัดตั้งทางการปกครองใหม่”
ผ่านเส้นทางเจื่องเซิน เวียดนามได้สร้างชัยชนะครั้งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิปี 1975 เพื่อรวมประเทศเป็นเอกภาพ ในขณะที่การปฏิวัติลาวก็ยึดคืนอำนาจมาสู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับความสูญเสียมากนัก ประชาชนเวียดนามยังคงจดจำน้ำใจของประชาชนลาวที่มีต่อเวียดนามที่ให้ใช้เส้นทางโฮจิมินห์ทางตะวันตกของเทือกเขาเจื่องเซินลำเลียงเสบียงจากภาคเหนือไปยังสมรภูมิภาคใต้ ช่วยเวียดนามรวมประเทศเป็นเอกภาพ มีส่วนร่วมต่อการทำนุบำรุงมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน กองทัพของทั้งสองประเทศยังคงช่วยเหลือกัน อย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์และพัฒนาของแต่ละประเทศ นาย แสงเพชร ห่วงบุ่นญวง เอกอัครราชทูตลาวประจำเวียดนามกล่าวว่า“ในสภาวการณ์ที่โรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนในประเทศลาว เวียดนามเป็นประเทศแรกที่สนับสนุนและช่วยเหลืออุปการณ์ทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญให้แก่ลาว ในขณะที่เวียดนามเองก็กำลังต้องเผชิญกับการระบาดเช่นกัน โดยกองทัพประชาชนเวียดนามได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มใจ รวดเร็วและทันการณ์ ความช่วยเหลือดังกล่าวมีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศลาว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความรักและผูกพัน ความช่วยเหลือจุนเจือกัน ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่หายากในโลกระหว่างกองทัพและประชาชนของทั้งสองประเทศ”
ปัจจุบัน เส้นทางหมายเลข 9 ได้กลายเป็นเส้นทางที่สำคัญในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมจังหวัดต่างๆในภาคอีสานของไทย ภาคกลางและภาคใต้ของลาวกับภาคกลางเวียดนาม เส้นทางที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพและจุดแข็งของท้องถิ่นที่เคยเป็นดินแดนแห่งความเจ็บปวดและกล้าหาญในอดีตเพื่อให้หลุดพ้นจากความยากลำบากและพัฒนาก้าวหน้าไปสู่อนาคต.
Minh Đức