หลักพรมแดนเวียดนาม-กัมพูชา

หลังจากสามารถช่วงชิงเอกราช เวียดนามและกัมพูชาได้ร่วมมือแก้ไขปัญหาในเขตชายแดนทันที เมื่อปี 1983 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสนธิสัญญาชายแดน โดยเห็นพ้องที่จะใช้เส้นแบ่งพรมแดนตามที่ถูกระบุในแผนที่ Bonne รวม 26 ฉบับ ขนาด 1/100,000 ของสำนักงานทางภูมิศาสตร์อินโดจีนของฝรั่งเศสที่พิมพ์จำหน่ายในช่วงปี 1954-1955 เพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยในการเจรจากำหนดชายแดน ซึ่งตั้งแต่ช่วงนั้นจนถึงปัจจุบัน ด้วยความพยายาม จิตใจที่มีภาวะวิสัยและความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ท้องถิ่นและประชาชนทั้งสองประเทศ การกำหนดชายแดนเวียดนาม-กัมพูชาได้เสร็จสิ้นลงในขั้นพื้นฐาน ดร. เหงียนวันแถ่ง บรรณาธิการใหญ่นิตยสารวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์สังคมศาสตร์เวียดนามได้เผยว่า “ทั้งสองประเทศได้เสร็จสิ้นการปฏิบัติงานร้อยละ 84 รวมทั้งการกำหนดหลักพรมแดน 312 หลักจากทั้งหมด 371 หลัก สิ่งที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายได้เสร็จสิ้นการกำหนดและก่อสร้างหลักพรมแดน 10 หลักในจุดผ่านแดน 10 แห่งของทั้งสองประเทศ สำหรับการกำหนดเส้นแบ่งพรมแดน ทั้งสองฝ่ายได้เสร็จสิ้นการกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนรวมระยะทาง 930 กิโลเมตรจากจำนวนทั้งหมด 1,137 กิโลเมตร”

สำหรับปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ ในเวลาที่ผ่านมา ผู้นำของเวียดนามและกัมพูชาได้เสนอยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขโดยเร็ว ดร. เหงียนแถ่งวัน ได้เผยว่า “ล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2016 ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้นำสามเหลี่ยมพัฒนาเวียดนาม ลาว กัมพูชา ณ เมืองเสียมราฐ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จ ฮุนเซน ได้ลงนามในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยเสนอให้ฝรั่งเศสส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแผนที่ไปให้การช่วยเหลือคณะกรรมการของสหประชาชาติเกี่ยวกับการกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างสองประเทศ ผมคิดว่า นี่คือข้อคิดริเริ่มของทั้งสองประเทศ เพราะชาวฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ Bonne ดังนั้นขณะนี้ ทั้งสองประเทศได้เชิญชาวฝรั่งเศสมาเข้าร่วมบนเจตนารมณ์แห่งความมีภาวะวิสัยเพื่อให้คำปรึกษาแก่ทั้งสองประเทศเสร็จสิ้นการกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนที่ยังไม่สามารถบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์”

จุดผ่านแดนห่าเตียน

ควบคู่กับการผลักดันงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดน กิจกรรมต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพบปะสังสรรค์และการแลกเปลี่ยนการค้าผ่านเขตชายแดนระหว่างท้องถิ่นต่างๆในเขตชายแดนก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ล่าสุด เมื่อเดือนเมษายนปี 2017 ได้มีการเปิดใช้สะพาน ลองบิ่ง-Chrey Thom ที่ใช้เงินก่อสร้างกว่า 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เชื่อมจังหวัดอานยางของเวียดนามกับจังหวัดกันดาล ประเทศกัมพูชา โดยมีนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุกและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จ ฮุนเซน เป็นสักขีพยานซึ่งมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมของจังหวัดต่างๆในเขตชายแดนของทั้งสองประเทศ

นอกจากการลดช่องว่างทางภูมิศาสตร์ ช่องว่างทางจิตใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศก็กระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้นเมื่อรูปแบบการผูกมิตรระหว่างท้องถิ่นต่างๆในเขตชายแดนได้รับการพัฒนา  จนถึงขณะนี้ เลียบตามเส้นแบ่งพรมแดนเวียดนาม-กัมพูชามีด่านชายแดน 14 แห่งและเขตชุมชนที่เป็นเมืองคู่มิตร 36 แห่ง ในการประเมินเกี่ยวกับรูปแบบนี้ พลตรี เลท้ายหงอก รองผู้บัญชาการทหารชายแดนได้เผยว่า “หลังจากกรผูกมิตรระหว่างเขตชุมชน หมู่บ้านในเขตชายแดนของทั้งสองฝ่ายเมื่อเร็วๆนี้แล้ว พวกเรายังจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์มิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศคือข้อคิดริเริ่มที่มีคุณค่าเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศร่วมกันรักษาแนวชายแดน หลักพรมแดนและรักษาความมั่นคง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในหมู่บ้านต่างๆในเขตชายแดน”

การสร้างสรรค์แนวชายแดนที่สันติภาพ เสถียรภาพและร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาคือเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อให้ความสัมพันธ์เวียดนาม กัมพูชาก้าวรุดหน้าไปในอนาคต อีกทั้งมีส่วนร่วมธำรงสันติภาพ เสถียรภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในโลกยังมีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน.