ด้วยหัวข้อหลัก3ประเด็นคือ ความรุนแรงของสงคราม ความคาดหวังแห่งสันติภาพและสาส์นแห่งอนาคต  งานนิทรรศการนี้อยากส่งสาส์นที่ว่า สำหรับสันติภาพไม่มีคำว่าสายเกินไป ฮานอย-นครแห่งสันติภาพ เวียดนาม-จุดมุ่งหมายแห่งความร่วมมือ มิตรภาพและสันติภาพ โดยได้เปิดเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคีระหว่างประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพในทั่วโลกที่แม้จะห่างไกลกันทางภูมิศาสตร์ มีความแตกต่างด้านความเลื่อมใสและศาสนา แต่ก็ร่วมแสดงการคัดค้านสงครามของสหรัฐในเวียดนาม ซึ่งเป็นทั้งเรื่องที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ตลอดจนเรื่องเล่าของผู้ที่เคยร่วมอยู่ในเหตุการณ์ นาย โทมัส ยูจีน วิลเบอร์ บุตรชายของพันเรือเอก วัลเตอร์ ยูจีน วิลเบอร์ อดีตนักบินอเมริกันที่เคยถูกคุมขังในเรือนจำหวาหล่อกล่าวว่า"เมื่อมาชมงานผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแห่งสันติภาพของเวียดนาม โดยภาพและเอกสารต่างๆตลอดจนความจริงในเวียดนามได้สะท้อนให้เห็นว่าเวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากรวมทั้งกรุงฮานอย"

ในโซนจัดแสดงเกี่ยวกับหัวข้อ "ความรุนแรงของสงคราม" มีผู้ชมหลายคนไม่อาจกลั้นน้ำตาเมื่อได้ฟังและเห็นภาพเรื่องการสังหารหมู่ที่หมู่บ้านเซินหมีที่จังหวัดกว๋างหงาย เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในกรณีสังหารหมู่ที่โหดเหี่ยมป่าเถื่อนที่สุดของกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนามนักวิจัยฝามมายหุ่ง จากสมาคมวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์เวียดนามเผยว่า "นิทรรศการนี้ได้สร้างอารมณ์ความรู้สึกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ความสามัคคีระหว่างประเทศ การสนับสนุนของประชาชนและกองกำลังใฝ่สันติภาพและก้าวหน้าในโลกต่อกระบวนการต่อสู้กู้ชาติของประชาชนเวียดนาม ซึ่งงานนี้ได้เป็นการยืนยันอีกครั้งถึงความเชื่อมั่นและพลังแห่งความรักสันติภาพ ความสามัคคีระหว่างประเทศ" 

เพื่อเตรียมสำหรับการจัดงานครั้งนี้ ทางคณะกรรมการบริหารโบราณสถานเรือนจำหวาหล่อได้เชิญชวนให้ประชาชนมอบสิ่งของวัตถุที่เกี่ยวข้องและนับเป็นครั้งแรกที่สิ่งของที่ผูกพันกับพยานบุคคลในช่วงประวัติศาสตร์ต่างๆได้รับการรวบรวมเพื่อแนะนำสู่สาธารณชนและมิตรประเทศเช่น เข็มสัญลักษณ์ที่สตรีอเมริกันติดบนเสื้อในการชุมนุมเดินขบวนประท้วงสงครามของสหรัฐในเวียดนามช่วงปี1964-1973 ชุดสะสมหนังสือพิมพ์เก่าที่ต่อต้านสงครามของทหารอเมริกันเพื่อแจกตามค่ายทหารต่างๆช่วงปี1968-1972 โดยองค์กรเพื่อสันติภาพส่งมอบให้แก่ทางเรือนจำหวาหล่อ 

ส่วนจัดแสดงที่2เน้นสิ่งของวัตถุที่สะท้อนความปรารถนาอันแรงกล้าแห่งสันติภาพของชาวเวียดนามที่ช่วยปลูกเร้าจิตใจต่อต้านสงครามและเรียกร้องสันติภาพที่กระจายไปทั่วโลกรวมทั้งในหมู่ชาวอเมริกันที่ใฝ่สันติภาพในประเทศสหรัฐเอง

สำหรับสาส์นที่ส่งถึงอนาคตซึ่งเป็นหัวข้อของส่วนจัดแสดงที่สามนั้นก็เป็นสาส์นของกรุงฮานอยและของเวียดนามที่อยากส่งถึงมิตรประเทศทั่วโลก นางเหงวียนเฟืองงา ประธานสหพันธ์องค์การมิตรภาพเวียดนามได้กล่าวว่า “เวียดนามต้องฟันฝ่าสงครามอันดุเดือดมาหลายครั้งอันเป็นเหตุที่ทำให้ความปรารถนาแห่งสันติภาพของประชาชาติเวียดนามยิ่งแรงกล้ามากขึ้น เราปกป้องสันติภาพของประเทศเราก็เสมือนเป็นการร่วมปกป้องสันติภาพโลก ปัจจุบันเวียดนามก็กำลังพยายามร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศสร้างโลกที่สันติภาพและพัฒนาเจริญรุ่งเรืองเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนั้นเวียดนามก็กำลังมีส่วนร่วมในความพยายามระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการปะทะต่างๆในโลกผ่านมาตรการที่สันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล”.