(VOVWORLD) - นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งพร้อมภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ณ เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลในระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายนตามคำเชิญของประธานาธิบดีบราซิล และประธานกลุ่ม G20 ปี 2024 ลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาและภรรยา และเยือนสาธารณรัฐโดมินิกันอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายนตามคำเชิญของประธานาธิบดี หลุยส์ อาบินาเดอร์ และภริยา การประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ครั้งนี้มีหัวข้อ “สร้างสรรค์โลกที่มีความยุติธรรมและยั่งยืน” โดยนอกจากประเทศสมาชิก G20 แล้วในปีนี้ยังมีผู้นำของ 19 ประเทศแขกรับเชิญและผู้นำขององค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญ 15 องค์กรเข้าร่วมอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งและภริยา (VGP) |
นี่เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ถึงแม้ขณะนี้เวียดนามไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของฟอรั่มพหุภาคีใดก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ได้ยืนยันถึงบทบาทและสถานะที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นของเวียดนามบนเวทีระหว่างประเทศเท่านั้น หากยังเอื้อให้เวียดนามส่งเสริมการค้า การลงทุนและความร่วมมือกับประเทศสมาชิกจี20อีกด้วย
การมีส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบของเวียดนามในการแก้ปัญหาความท้าทายระดับโลก
นาย ฝ่ามแทงบิ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเผยว่า การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีมีความหมายสำคัญในหลายด้าน โดยประเด็นแรกคือการยกระดับสถานะของเวียดนามในกลุ่ม G20 การที่นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 เป็นครั้งแรกถึงแม้ว่าเวียดนามไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของฟอรั่มพหุภาคีใดๆ ก็ตาม ซึ่งเมื่อก่อนเวียดนามได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมกลุ่ม G20 เมื่อเป็นประธานการประชุม APEC ปี2017 อาเซียนปี 2010 และปี 2020 ซึ่งสิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ประชาคมระหว่างประเทศ รวมทั้ง ประเทศเจ้าภาพบราซิลให้ความสำคัญต่อบทบาทของเศรษฐกิจเวียดนามในเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ตลอดจนสถานะและการมีส่วนร่วมของเวียดนามในกลไกพหุภาคีทั่วโลก
ประเด็นที่ 2 คือการยืนยันส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบของเวียดนามในการแก้ไขปัญหาความท้าทายระดับโลก ส่งเสริมจุดแข็งของเวียดนามในด้านที่เป็นศักยภาพและมีประสบการณ์ ในการประชุม G20 ในฐานะแขกรับเชิญ นายกรัฐมนตรีจะกล่าวปราศรัยในการประชุมในวันที่ 18 และวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยมีหัวข้อคือ “การขจัดปัญหาความยากจน” และ “การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน” คาดว่า นายกรัฐมนตรีจะแลกเปลี่ยนบทเรียนเกี่ยวกับการขจัดความยากจน ซึ่งเป็นด้านที่เวียดนามมีประสบการณ์และได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งได้รับการยอมรับและชื่นชมจากทั่วโลก อีกทั้ง แลกเปลี่ยนทัศนะ วิธีการเข้าถึงและการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงพลังงานของเวียดนามในเวลาที่จะถึง”
นอกจากนี้ หนึ่งในไฮไลท์ของการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 คือการพบปะทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กับบรรดาผู้นำคนอื่นๆ ซึ่งเวียดนามสามารถหารือและส่งเสริมปัญหาต่างๆอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วน และประเทศสมาชิกของกลุ่ม G20
เปิดโอกาสความร่วมมือที่กว้างขวางระหว่างเวียดนามกับบราซิล
การปฏิบัติภารกิจในบราซิลครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะช่วยนำความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับบราซิลพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ส่งเสริมคำมั่นและความไว้วางใจทางการเมือง และเปิดโอกาสความร่วมมือที่กว้างขวางมากขึ้น
ปัจจุบัน บราซิลเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในลาตินอเมริกา และอยู่อันดับที่ 2 ในภูมิภาคอเมริกา รองจากสหรัฐ ในขณะที่เวียดนามเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนชั้นนำของบราซิลในอาเซียน
นอกจากนี้ ความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่างๆ เช่น การเกษตร วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ตลอดจนเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ การบินและอวกาศก็ได้รับการส่งเสริมอย่างแข็งขันจากทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ กิจกรรมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ศิลปะ การกีฬา การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนซึ่งมีส่วนร่วมยกระดับความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ นาย เหงวียนวันหุ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวได้แสดงความเห็นว่า
“การพัฒนาวัฒนธรรมและความร่วมมือในด้านวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวได้สะท้อนทัศนะของพรรคในเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาวัฒนธรรมให้ทัดเทียมกับเศรษฐกิจและการเมือง นำวัฒนธรรมเวียดนามสู่เพื่อนมิตรระหว่างประเทศ อีกทั้ง เรียนรู้ความดีเลิศทางวัฒนธรรมของโลกเพื่อสร้างสรรค์วัฒนธรรมที่ก้าวหน้า หลากหลาย และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของประชาชาติ”
คาดว่า นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะเจรจากับประธานาธิบดีบราซิล ลูลา ดา ซิลวา เพื่อทบทวนการปฏิบัติตามข้อตกลงระดับสูงที่ได้บรรลุในการเยือนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และหารือเกี่ยวกับแนวทางสำคัญๆและมาตรการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 35 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสอง G20 เป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับธรรมาภิบาลระดับโลก มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดความพยายามระดับนานาชาติในการรับมือความท้าทายระดับโลก ดังนั้นภารกิจของนายกรัฐมนตรีเวียดนามในเวทีนี้ถือเป็นการยืนยันอีกครั้งถึงสถานะ ชื่อเสียง ความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมของเวียดนามในฟอรั่มระหว่างประเทศที่สำคัญๆ อีกทั้ง ช่วยส่งเสริมและเปิดระยะใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับบราซิล.