(VOVWORLD) -ประธานประเทศ หวอวันเถืองและภริยาได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นนิมิตหมายสำคัญในตลอด 50 ปีของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น อันมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบนเส้นทางแห่งการพัฒนาในระยะต่อไป
เวียดนามและญี่ปุ่นสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 21 กันยายนปี 1973 ซึ่งในปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกำลังอยู่ในช่วงที่ดีงามที่สุดในประวัติศาสตร์
หุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจในหลายด้าน
ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายหลัง 9 ปีที่เวียดนามและญี่ปุ่นยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกเมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้บรรลุก้าวพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยมีการจัดการพบปะแลกเปลี่ยนในทุกระดับอย่างคึกคัก ที่น่าสนใจคือ ในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การเสด็จเยือนเวียดนามครั้งประวัติศาสตร์สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะเมื่อปี 2017 การเลือกเวียดนามเป็นประเทศแรกในการเยือนต่างประเทศหลังจากที่ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นของนาย โยชิฮิเดะ ซูงะ เมื่อปี 2020 และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ส่วนในปีนี้ ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศได้มีการเริ่มต้นอย่างงดงามด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงียนฟู้จ่อง กับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่อจากนั้น คือการเสด็จเยือนเวียดนามของเจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่นและเจ้าหญิงคิโกะ พระชายา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นาย ยามาดะ ทาคิโอะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเวียดนามประเมินว่า
“ในปีนี้ ญี่ปุ่นและเวียดนามรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการประเมินว่า กำลังอยู่ในระยะที่ดีงามที่สุดในประวัติศาสตร์และมีการเชื่อมโยงอย่างเข้มแข็งในทุกด้าน”
ไฮไลท์ของความสัมพันธ์เวียดนาม – ญี่ปุ่นคือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยในหลายปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนและนักอุปถัมภ์เงินโอดีเอชั้นนำของเวียดนาม มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปีที่แล้วบรรลุเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่น่าสนใจคือในตลอดช่วง 6 ปีผ่านมา เวียดนามอยู่อันดับที่ 2 ที่สถานประกอบการญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน นาย โอซาวา เคนิจิ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโครงการของ Tamagawa ประจำเวียดนาม เผยว่า
“เราเลือกลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมซงควายที่จังหวัดกว๋างนิงห์เราให้คำมั่นว่า จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและพัฒนาไปพร้อมกับลูกค้า เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือในระยะยาวกับจังหวัดกว๋างนิงห์ โดยมีความประสงค์ว่า จะได้รับการสนับสนุนจากทางการท้องถิ่นต่อไป”
สำหรับบทบาทของสถานประกอบการญี่ปุ่น นาย เหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ให้ข้อสังเกตว่า
“สถานประกอบการญี่ปุ่นนับวันมีบทบาทสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามในระยะใหม่ โดยชื่นชมนโยบายต่างๆ ของเวียดนามว่ามีความโปร่งใส สะดวกและน่าสนใจ โดยเฉพาะความมีเสถียรภาพของระบอบการเมือง นอกจากนี้ การสนับสนุนของทางการปกครองท้องถิ่นได้ช่วยให้สถานประกอบการญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก”
เปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่
บนพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ร่วมมือที่ใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ของประธานประเทศเวียดนาม หวอวันเถือง ไม่เพียงแต่เป็นไฮไลท์สำคัญในปีฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเท่านั้น หากยังเปิดโอกาสแห่งความร่วมมือในด้านใหม่ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจอีกด้วย เช่น การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียวและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เป็นต้น
นาย ยามาดะ ทาคิโอะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า นอกจากสรุปก้าวพัฒนาต่างๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การเยือนครั้งนี้ยังส่งสารว่า ความร่วมมือระหว่างสองประเทศไม่เพียงแต่เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น หากยังเป็นความสัมพันธ์ที่สามารถร่วมมือกันเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและโลกอีกด้วย เช่นเดียวกันกับความคิดเห็นนี้ นาย เหงียนมิงห์หวู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ข้อสังเกตว่า
“ในเวลาที่จะถึง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะไม่เพียงแต่เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น หากยังขยายขอบเขตและพัฒนาในขอบเขตระดับภูมิภาคและโลกอีกด้วย โดยเฉพาะจากการที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิกของฟอรั่มภูมิภาคและโลกที่สำคัญๆ แน่นอนว่า การประสานงานระหว่างสองประเทศในฟอรั่มเหล่านี้จะได้รับการเสริมสร้าง มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือพัฒนาของภูมิภาคและโลก”
ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีงามที่สุดในประวัติศาสตร์ สมกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกบนพื้นฐานที่ซื่อสัตย์ น่าไว้วางใจ เพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและพัฒนา การเยือนญี่ปุ่นของประธานประเทศ หวอวันเถือง จะมีส่วนร่วมต่อการเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองและผลักดันการปฏิบัติความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพต่อไป.