(VOVworld) –วันที่๑๑เดือนนี้ ท่านลีเซียนลุงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนามซึ่งประจวบเหมาะกับโอกาสที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ๔๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งเป็นนิมิตรหมายพิเศษ เปิดความคืบหน้าและโอกาสความร่วมมือใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ โดยเฉพาะ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนซึ่งเป็นจุดเด่นในความสัมพันธ์และร่วมมือระหว่างสองประเทศให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

ท่านลีเซียนลุงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ (Photo:AFP )

เวียดนามและสิงคโปร์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่๑สิงหาคมปี๑๙๗๓ เมื่อหวนมองดูในตลอด๔๐ปีที่ผ่านมา จะสามารถมองเห็นผลสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศคือ การพัฒนาของความสัมพันธ์ทางการเมืองที่น่าไว้วางใจในทุกด้าน ผู้นำทั้งสองประเทศมีการพบปะเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน โดยล่าสุดคือ การเยือนสิงคโปร์ของท่านเหงวียนฟู๊จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง  ท่านฝ่ามกวางวิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้กล่าวว่า“ในตลอด๔๐ปีที่ผ่านมา สัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ได้มีการพัฒนาอย่างข้ามขั้น สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่เริ่มต้นความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือเวียดนามในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนชั้นนำของเวียดนามในหลายปีที่ผ่านมาซึ่งจนถึงปี๒๐๑๒ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่ ๙พัน๖ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ในด้านการลงทุน จนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์มีโครงการลงทุนในเวียดนามกว่า๑พัน๑ร้อยโครงการ รวมยอดเงินทุนกว่า๒หมื่น๔พันล้านเหรียญสหรัฐ  ความร่วมมือทางเศรษฐกิจมีรูปแบบที่ดีมากมาย ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในร่างข้อตกลงเกี่ยวกับการเชื่อมโยงใน๖ด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆและปัจจุบันกำลังได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ”  ปัจจุบัน เวียดนามและสิงคโปร์ได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือกว่า๒๐ฉบับ โดยเฉพาะ เขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม สิงคโปร์หรือVSIPซึ่งเป็นตัวอย่างของความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งได้รับการขยายซึ่งจากนิคมอุตสาหกรรมVSIP๒แห่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดบิ่งเยืองจนถึงปัจจุบันมีการขยายไปตั้งอยู่ที่เมืองท่าไฮฟอง จังหวัดบั๊กนิง และจะขยายไปที่จังหวัดกว้างหงาย นครโฮจิมินห์และจังหวัดท้ายบิ่งในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังผลักดันความร่วมมือในด้านที่สิงคโปร์มีจุดแข็งและเวียดนามมีความต้องการ เช่น การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี กลาโหม ความมั่นคง การรับมือกับความท้าทายของความมั่นคงนอกระบบ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและน้ำทะเลหนุน ท่านLim Hong Kieng  รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์สิงคโปร์กล่าวว่า“บรรดานักธุรกิจสิงคโปร์เห็นว่า เวียดนามมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามอย่างเข้มแข็ง ดังนั้น บริษัทหลายแห่งจึงได้เข้ามาลงทุนและประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในเวียดนาม  ผมมีความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายจะได้รับการขยายและจะมีหุ้นส่วนร่วมทุนระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศมากขึ้น”

เขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม สิงคโปร์หรือVSIPซึ่งเป็นตัวอย่าง ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ(Photo:baomoi.com )

เวียดนามและสิงคโปร์ยังประสานกันอย่างแน่นแฟ้นในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะ ทั้งสองฝ่ายได้ผลัดดันความพยายามขององค์การอาเซียนในการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน การเชื่อมโยงภูมิภาค ขยายความสัมพันธ์กับบรรดาหุ้นส่วน ส่งเสริมบทบาทการเป็นการศูนย์กลางของอาเซียนเพื่อเป้าหมายร่วมกันคือ สันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาของภูมิภาค  ทั้งสองประเทศต่างให้การสนับสนุนจุดยืนและหลักการของอาเซียนในการผดุงรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก และแก้ไขการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒ ให้การสนับสนุนการปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือDOCอย่างครบถ้วน และร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือCOC ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว            ในการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๑ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันในหลักการยกระดับความร่วมมือในทุกด้านในศตวรรษที่๒๑เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และในการเยือนสิงคโปร์ของท่านเหงวียนฟู๊จ่องเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๒ ทั้งสองฝ่ายได้ออกประกาศร่วมโดยยืนยันถึงการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปี๒๐๑๓นี้  จากผลสำเร็จในตลอด๔๐ปีที่ผ่านมาบวกกับการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของท่านลีเซียนลุง ทั้งสองฝ่ายมีพื้นฐานเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ท่านฝ่ามกวางวิงกล่าวว่า“ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองฝ่ายน่าไว้วางใจ ดังนั้น ควรกระชับให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  จุดแข็งในความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะ เศรษฐกิจควรได้รับการผลักดันต่อไป พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและการประสานงานในฟอรั่มภูมิภาคและโลก ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือเพื่อยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์” การเยือนเวียดนามของท่านลีเซียนลุงในระหว่างวันที่๑๑ถึงวันที่๑๓เดือนนี้ถือเป็นนิมิตรหมายสำคัญในโอกาสรำลึกครบรอบ๔๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเพื่อวางแนวทางให้แก่ความสัมพันธ์ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ./.