นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
Quang Dung -  
(VOVWORLD) - ผลการนับคะแนนเบื้องต้นจนถึงเวลา 02.30 น. ของวันที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นในภาคตะวันออกของสหรัฐปรากฏว่า นาย ทรัมป์ ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้งมากกว่า 270 เสียง จึงเอาชนะนาง กมลา แฮร์ริส ผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครต กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ นี่เป็นวาระที่ 2 ของนาย ทรัมป์ ในฐานะผู้นำทำเนียบขาว หลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระแรกในช่วงปี 2016-2020 ซึ่งผลการเลือกตั้งนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสหรัฐและทั่วโลก
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากตัดสินใจลงคะแนนล่วงหน้าก่อนวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 อย่างเป็นทางการ (Getty) |
มีความได้เปรียบตั้งแต่เริ่มต้น
ผลการนับคะแนนในรัฐต่างๆ ได้รับการเผยแพร่เกือบจะทันทีโดยสำนักข่าวสำคัญๆของสหรัฐและโลก เช่น AP, CNN และ Fox News หลังจากที่ปิดหีบเลือกตั้ง โดยรายงานผลการนับคะแนนของสำนักข่าว AP ของสหรัฐ ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 6 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่นในรัฐทางตะวันออกของสหรัฐ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้ง 230 เสียง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เสียงสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้งรวม 270 เสียงเพื่อได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ในทางเป็นจริง ผลการนับคะแนนล่วงหน้าในรัฐต่างๆในภาคตะวันออกและภาคกลางของสหรัฐได้ยืนยันถึงความได้เปรียบของนาย ทรัมป์ เหนือนาง แฮร์ริส เมื่อนาย ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในรัฐหลายแห่ง เช่น นอร์ทดาโคตา เซาท์ดาโคตา ลุยเซียนา ไวโอมิง เท็กซัสและโอไฮโอ โดยเฉพาะ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะแบบม้วนเดียวจบในรัฐฟลอริดา รวมทั้งที่เมืองไมอามี-เดด ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในรัฐฟลอริดา และเป็นพื้นที่ที่ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะมาตั้งแต่ปี 1988 และยังเป็นพื้นที่ที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้นาย โจ ไบเดน 7 คะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2020 การวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ระบุว่า รัฐฟลอริดาอาจเป็นรัฐที่ยากจะคาดเดาได้ในการเลือกตั้งปีนี้ และพรรคเดโมแครตก็เน้นความพยายามในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในรัฐนี้ แต่ผลการนับคะแนนได้แสดงให้เห็นว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะเหนือนาง กมลา แฮร์ริส อย่างท่วมท้น นอกจากนี้ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้รับชัยชนะในรัฐที่เป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ที่ได้รับการถือว่า มีความได้เปรียบก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นรัฐที่สำคัญ ซึ่งทำให้ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกันได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้ง 40 เสียง ในขณะเดียวกัน นาง กมลา แฮร์ริส ได้รับชัยชนะในรัฐแคลิฟอร์เนียและนครนิวยอร์ก และในรัฐต่างๆ เช่น โคโลราโด นิวเจอร์ซีย์ เดลาแวร์ แมสซาชูเซตส์ และแมริแลนด์ ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต สำหรับรัฐที่สำคัญ 7 รัฐที่ได้รับการประเมินว่า จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเพนซิลเวเนีย วิสคอนซินและมิชิแกน การแข่งขันระหว่างผู้ลงสมัครทั้งสองคนได้มีขึ้นอย่างดุเดือดตามที่คาดการณ์ไว้ ในจำนวน 7 รัฐดังกล่าว รัฐนอร์ทแคโรไลนาที่มีเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง16 เสียง เป็นรัฐแห่งแรกที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะ
ในวันจัดการเลือกตั้งในสหรัฐ ได้เกิดปัญหาต่างๆ โดยที่รัฐวิสคอนซินซึ่งเป็นรัฐที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งในเมืองมิลวอกีได้ประกาศว่า จะทำการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์กว่า 30,000 ใบอีกครั้งเนื่องจากพบปัญหาของเครื่องนับคะแนน ในขณะเดียวกัน ที่เมืองลูเซิร์น รัฐเพนซิลเวเนีย การเปิดจุดเลือกตั้งให้ลงคะแนนดำเนินการช้ากว่ากำหนดถึง90นาทีโดยตามกฎหมายคือต้องเปิดตั้งแต่เวลา 07.00 น. การเกิดปัญหานี้ในรัฐที่สำคัญ 2 แห่งอาจทำให้เกิดการโต้แย้งทางกฎหมายในภายหลัง
นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกันและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ (Reuters) |
ประเทศสหรัฐหลังการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้เสร็จสิ้นลงด้วยความขัดแย้งและยากที่จะคาดเดาได้ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งได้รับการแสดงให้เห็นผ่านการที่พรรคเดโมแครตเปลี่ยนตัวผู้ลงสมัครอย่างกะทันหันเพียง 5 เดือนก่อนการเลือกตั้ง เมื่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัดสินใจถอนตัวเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพื่อให้นาง กมลา แฮร์ริส เป็นผู้ลงสมัครของพรรคเดโมแครต แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจะใช้เวลาน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐคือ 5 เดือน แต่ทั้งนาง กมลา แฮร์ริส และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้เกิดศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ใช้เงินมากที่สุด โดยทั้งสองฝ่ายใช้เงินรวมกันเกือบ 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง บรรดาผู้สังเกตการณ์แสดงความเห็นว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเสียงสนับสนุนสูสีกันกับนาง กมลา แฮร์ริสในโค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แม้ว่าในบางครั้งนาง แฮร์ริส แซงหน้านาย ทรัมป์ แต่ในท้ายที่สุด นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ถูกมองว่ามีความแข็งแกร่งกว่าและมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนในรัฐสำคัญๆ ศาสตราจารย์ แลร์รี ซาบาโต จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียได้แสดงความเห็นว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่ความแตกแยกที่เกิดจากการเลือกตั้งครั้งนี้เนื่องจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่ต่างนำเสนอความสุดโต่งต่าง ๆ จะยังคงทำให้ประเทศสหรัฐมีความแตกแยกในทางการเมืองต่อไป
“ผมหวังว่า สหรัฐจะไม่ถูกแบ่งแยกอีกต่อไป แต่ผมไม่เห็นเหตุผลใดที่มันจะหายไป ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่หนักแน่นมากและอีกฝ่ายมักจะคิดว่า ตนถูกหลอกลวงในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ แต่จะทำอย่างไรเมื่อครึ่งหนึ่งของจำนวนชาวอเมริกันปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง”
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ยังส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อโลก ตั้งแต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ-การค้า-เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐกับจีน ไปจนถึงโอกาสในการแก้ไขการปะทะในยูเครนและตะวันออกกลาง ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับประเทศพันธมิตรในสหภาพยุโรปหรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ NATO ก็ได้รับการคาดการณ์ว่า จะมีความผันผวนอย่างซับซ้อนเช่นกัน.
Quang Dung