ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับนอร์เวย์
Anh Huyen- VOV5 -  
(VOVWORLD) -นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเดินทางไปเยือนประเทศนอร์เวย์ในระหว่างวันที่ 24 - 26 พฤษภาคมตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ เออร์นา โซลเบิร์ก ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น
เช่นเดียวกับประเทศต่างๆในยุโรปเหนือ ในอดีต นอร์เวย์มีขบวนการสนับสนุนการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชของประชาชาติเวียดนาม ปัจจุบัน นอร์เวย์ให้ความช่วยเหลือเวียดนามในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ การแก้ปัญหาความยากจนและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพในฟอรั่มพหุภาคี เช่น สหประชาชาติ องค์การการค้าโลกและธนาคารโลก
ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเพื่อการพัฒนา
การเยือนนอร์เวย์ครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุกก็เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะ การผลักดันความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2006 ทั้งสองประเทศได้ลงนามบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าเวียดนาม-นอร์เวย์และการจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานทวิภาคีเพื่อผลักดันกิจกรรมทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ นอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศที่เดินหน้าในการเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับการขอเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกของเวียดนาม เมื่อเดือนมีนาคมปี 2012 เวียดนามและสมาคมการค้าเสรียุโรปหรือเอฟตาที่ประกอบด้วยนอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์และลิกเตนสไตน์ได้เริ่มการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรี ทั้งสองฝ่ายได้เข้าร่วมการเจรจา 16 รอบ ก่อนหน้านั้น เอฟตาได้รับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับนอร์เวย์ในปี 2018 อยู่ที่ 363 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าปี 2017 ซึ่งอยู่ที่ 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน นอร์เวย์มีโครงการลงทุน 41 โครงการในเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการเอฟดีไอ รวมยอดเงินลงทุนจดทะเบียน 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 41 จากจำนวนทั้งหมด 130 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม โดยสถานประกอบการนอร์เวย์ 40 แห่งกำลังประกอบธุรกิจในเวียดนามในด้านการแปรรูปไม้ วัสดุการก่อสร้าง การเกษตรและป่าไม้ สัตว์น้ำ สื่อสารและประชาสัมพันธ์ โดยส่วนใหญ่ลงทุนในนครโฮจิมินห์ นครหวุงเต่า กรุงฮานอย จังหวัดแค้งหว่า จังหวัดบิ่งเยืองและนครไฮฟอง ซึ่งเงินลงทุนของนอร์เวย์ส่วนใหญ่ตามรูปแบบเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน นอร์เวย์เป็นหนึ่งในนักอุปถัมภ์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในการปฏิบัติโครงการของสหประชาชาติเกี่ยวกับลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกผ่านการป้องกันการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่าหรือ UN- REDD โดยเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความร่วมมือในการปฏิบัติโครงการนี้ในระยะที่2ในช่วงปี 2013- 2015 และนอร์เวย์ให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือด้านการเงิน มูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เวียดนาม โดยปฏิบัติเป็นการนำร่องในจังหวัดลาวกาย บั๊กก๋าน ห่าติ๋ง บิ่งถวน เลิมด่งและก่าเมา นอกจากนี้ โครงการต่างๆในด้านการศึกษา สาธารณสุข การบริหารทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนที่นอร์เวย์เป็นนักอุปถัมภ์ก็กำลังได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ แม้เงินช่วยเหลือของนอร์เวย์จะไม่มากแต่ระเบียบการช่วยเหลือก็สอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆของเวียดนาม
ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆ เช่น การศึกษาและฝึกอบรม วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ความมั่นคงและกลาโหมได้บรรลุผลงานที่น่ายินดี นอร์เวย์ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาเวียดนามผ่านโครงการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ครูอาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆของเวียดนาม นอร์เวย์ยังให้ความช่วยเหลือเวียดนามในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในด้านที่นอร์เวย์มีจุดแข็ง เช่น สิทธิมนุษยชนและการรักษาสันติภาพ รวมทั้ง ให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างโรงเรียนสำหรับนักเรียนชนกลุ่มน้อยในจังหวัดเดียนเบียน กว๋างจิ เถื่อเทียนเว้และกว๋างนาม โครงการการศึกษาระดับประถมสำหรับเด็กยากชน การจัดพิมพ์พจนานุกรมภาษาชนเผ่า การช่วยเหลือพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ในการเคลื่อนย้ายบ้านโบราณของชนเผ่าจามจังหวัดนิงถวนมาตั้งที่พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
บนพื้นฐานนี้ การเยือนนอร์เวย์ของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุกในระหว่างวันที่ 24 -26 พฤษภาคมจะช่วยสร้างขับเคลื่อนใหม่ มีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะ ยกระดับประสิทธิภาพความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-การค้าและการลงทุนเพื่อให้สมกับศักยภาพและความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างสองประเทศ.
Anh Huyen- VOV5