(VOVWORLD) - ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาคมเกษตรกรเวียดนามครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ณ กรุงฮานอย ท่าน เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ยืนยันว่า การเกษตรเป็นปัจจัยได้เปรียบของประเทศและเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ โดยเกษตรกรและชนบทมีบทบาทยุทธศาสตร์ในภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ซึ่งคำยืนยันนี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของการเกษตรและเกษตรกรในกระบวนการพัฒนาของเวียดนาม
การประชุมใหญ่ผู้แทนสมาคมเกษตรกรเวียดนามครั้งที่ 8 (VGP) |
เวียดนามมีศักยภาพสูงที่ถือเป็นปัจจัยได้เปรียบในการพัฒนาการเกษตร และในเวลาที่ผ่านมา การเกษตรของเวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งได้บรรลุผลงานที่ยิ่งใหญ่และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูง
การเกษตรส่งเสริมบทบาทเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเวียดนาม
ในปี 2023 การเกษตรยังคงยืนยันสถานะสำคัญของการเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเวียดนาม ค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหารและธำรงความสมดุลที่สำคัญของเศรษฐกิจ มีส่วนร่วมต่อการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค
บทบาทของการเกษตรในการเป็น “เสาหลัก” ของเศรษฐกิจปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีความยากลำบากและความท้าทายมากมาย แต่คาดว่า การเติบโตของหน่วยงานการเกษตรของเวียดนามจะบรรลุร้อยละ 3.83 ซึ่งสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ มูลค่าการส่งออกของหน่วยงานการเกษตรบรรลุกว่า 5 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เปรียบดุลการค้ากว่า 1 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์และคิดเป็นกว่าร้อยละ 42.5 อัตราได้เปรียบดุลการค้าของประเทศ ซึ่งในนั้น ผลิตภัณฑ์เกษตรส่งออกบางรายการได้ทำสถิติใหม่ เช่น ผักและผลไม้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 และข้าวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 36 คาดว่า มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในปีนี้อาจบรรลุ 5.5-5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 80-90 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยข้าวและผักยังมีโอกาสเพิ่มมูลค่าการส่งออกต่อไปในปี 2024
นาย เลมิงฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบท ได้แสดงความเห็นว่า ความสำเร็จของหน่วยงานการเกษตรเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนการผลิตและการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและมีส่วนร่วมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
“การเปลี่ยนจากแนวคิดการผลิตเกษตรธรรมดาไปสู่เศรษฐกิจเชิงเกษตร ถือเป็นการส่งเสริมการเติบโตในด้านนี้แบบทวีคูณและทำให้เรามีความมั่นใจในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ข้าวซึ่งปัจจุบันสามารถจำหน่ายในตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวดไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น สหรัฐและสหภาพยุโรป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อพื้นที่การผลิตเกษตรให้สูงขึ้น”
ท่าน เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม |
เกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาการเกษตรและเศรษฐกิจชนบท
ความสำเร็จของหน่วยงานการเกษตรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีความเกี่ยวข้องกับความพยายามของเกษตรกรอยู่เสมอเพราะเกษตรกรเป็นศูนย์กลางของกระบวนการพัฒนาการเกษตร
ในสภาวการณ์ปัจจุบัน เมื่อเวียดนามกำลังเปลี่ยนแนวคิดการผลิตเกษตรไปสู่เศรษฐกิจเชิงเกษตร ทำให้การผลิตที่สะอาดและการเติบโตสีเขียวเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้ง บทบาทของเกษตรกรก็มีความสำคัญมากขึ้น ในการประชุมผู้แทนทั่วประเทศของสมาคมเกษตรกรเวียดนามครั้งที่ 8 ท่าน เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ยืนยันว่า
“พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้กำหนดว่า “การเกษตร เกษตรกรและชนบทเป็น 3 ปัจจัยที่มีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิดและแยกจากกันไม่ได้ มีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ การสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิ” เกษตรกรและชนบทมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ต่อภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ดังนั้น สมาคมเกษตรกรทุกระดับต้องแนะนำให้เกษตรกรเข้าร่วมการสร้างสรรค์ชนบทใหม่อย่างเข้มแข็ง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมบทบาทของเกษตรกรในฐานะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาการเกษตร เศรษฐกิจในชนบท และการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ โดยภาพรวมของ “การเกษตรเชิงนิเวศ ชนบททันสมัย เกษตรกรมีอารยธรรม” จะมีความสมบูรณ์อย่างแท้จริงและจะกลายเป็นความจริงได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยูกับความมุ่งมั่นและส่วนร่วมของทั้งระบบการเมืองและสังคม แต่สมาคมเกษตรกรและเกษตรกรเวียดนามมีบทบาทโดยตรงและสำคัญเป็นหลัก”
เวียดนามกำลังมีโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ การพัฒนาที่ครอบคลุมและน่าประทับใจตามแนวทางแห่งการเกาะติดแนวโน้มการบริโภคของเศรษฐกิจโลกและการบริโภคสีเขียวของโลก ซึ่งในกระแสดังกล่าว การเกษตรและเกษตรกรของเวียดนามยังคงยืนยันถึงบทบาทที่สำคัญในการสร้างสรรค์หน่วยงานการเกษตรเชิงนิเวศและชนบทที่ทันสมัย.