รัสเซีย-ตุรกีบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในซีเรีย
Huyền -  
(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นาย รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุกรีและนาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงใน Idlib ประเทศซีเรีย ภายหลังความขัดแย้งและความตึงเครียดในเวลาที่ผ่านมา ข้อตกลงที่ได้บรรลุในการเยือนรัสเซียเป็นเวลา 1 วันของผู้นำตุรกีได้ช่วยคลี่คลายความตึงเครียด เป็นพื้นฐานให้แก่การยุติกิจกรรรมทางทหารในเขต Idlib และวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่กำลังเพิ่มมากขึ้นในซีเรีย
กองกำลังตุรกีในจังหวัด Idlib ประเทศซีเรีย (AP) |
การบรรลุข้อตกลงมีขึ้นในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในจังหวัด Idlib ประเทศซีเรียมีความผันผวนอย่างซับซ้อน และตุรกียังคงมีปฏิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านกองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ของรัสเซียและตุรกีได้พบปะกัน 3 ครั้ง แต่ไม่สามารถแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาใน Idlib ได้
หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกี่ยวกับการเผชิญหน้า
ตามข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้ทันที ทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องเดินหน้าความพยามยามต่อต้านการก่อการร้ายและแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรมในซีเรีย ตุรกีมีสิทธิตอบโต้ทุกการโจมตีของทางการซีเรียในภาคสนาม ทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติคำสั่งหยุดยิง มิใช่เข้าควบคุมดินแดนของซีเรีย ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องเปิดเส้นทางปลอดภัยจากภาคตะวันออกไปยังภาคตะวันตกผ่าน Idlib และจัดการลาดตระเวนร่วมตามเส้นทางนี้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม
Idlib คือพื้นที่สุดท้ายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฎที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตุรกี กองทัพซีเรียได้เปิดยุทธการยึดคืน Idlib ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2019 ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพอากาศรัสเซีย ซึ่งสามารถยึดคืนสถานที่สำคัญหลายแห่ง จนทำให้ตุรกีต้องส่งทหารเข้ามาแทรกแซงพื่อธำรงอิทธิพลใน Idlib โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ตุรกีได้ยิงเครื่องบินของซีเรีย 2 ลำตก และทำการโจมตีทางอากาศใส่สนามบินทหารนอกพื้นที่แนวหน้า ทำให้ทหารซีเรียเสียชีวิต 19 นาย ตุรกียังเพิ่มกิจกรรมด้านการทหารหลังจากทหารนับสิบนายเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับจนถึงวันที่ 5 มีนาคม มีทหารตุรกีเสียชีวิต 57 นาย
การปะทะระหว่างกองกำลังที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตุรกีกับกองทัพซีเรียได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทางการมอสโคว์กับอังการามีความตึงเครียด และสถานการณ์สงครามในซีเรียความสับสนมากขึ้น เครื่องบินรัสเซียได้ทิ้งระเบิดหลายลูกใส่กลุ่มกบฎที่ตุรกีสนับสนุน ส่วนสหประชาชาติได้ตำหนิรัสเซียและตุรกีว่า “เป็นผู้ก่ออาชญากรรมสงคราม” ก่อให้เกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 9 ปีในเกิดสงครามกลางเมืองซีเรีย ในขณะที่ตุรกีแสดงความเห็นว่า รัสเซียกำลังแทรกแซงสงครามในซีเรียมากขึ้น ส่วนรัสเซียยืนยันว่า ได้ส่งกองทัพไปยังซีเรียตามข้อเสนอที่ชอบด้วยกฎหมายของทางการซีเรียและกองกำลังทหารของประเทศอื่นในซีเรียล้วนแต่ละเมิดหลักการและกฎหมายสากล
นาย รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุกรีและนาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย (Reuters) |
ซีเรียและเกมส์ใหญ่ระหว่างประเทศต่างๆ
ในสภาวการณ์ดังกล่าว ข้อตกลงหยุดยิงที่ได้บรรลุมีผลเป็นอย่างมากต่อสถานการณ์สงครามซีเรียปัจจุบัน ทั้งรัสเซียและตุรกีต่างมีความมุ่งมั่นหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดด้านการค้าและกลาโหม ก่อนการเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีตุรกี รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน พระราชวังเครมลินได้ส่งสาส์นที่ยืนยันว่า ความร่วมมือกับตุรกีคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ส่วนทางการอังการาได้ย้ำว่า ทั้งสองประเทศไม่สามารถปล่อยให้เกิดการความผิดพลาดเหมือนเมื่อปี 2015 ได้อีกซึ่งเครื่องบิน F-16 ของตุรกีได้ยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 ของรัสเซียตกจนนำไปสู่วิกฤตที่รุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอีกประเด็นที่ทำให้ทางการอังการามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับทางการมอสโคว์คือก่อนหน้านั้น ข้อเสนอให้สหรัฐช่วยเหลือตุรกีบนน่านฟ้า Idlib ถูกทางการวอชิงตันปฏิเสธ โดยทางการวอชิงตันเผยว่า สหรัฐจะพิจารณาการช่วยเหลือกิจกรรมด้านมนุษยธรรมใน Idlib เท่านั้น ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆในยุโรปยังแสดงความไม่พอใจต่อการที่ตุรกีสร้างแรงกดดันต่อพวกเขาในปัญหาซีเรียด้วยการเปิดจุดผ่านแดนเพื่อให้ผู้อพยพจากตุรกีเข้าไปยังยุโรป
ขณะนี้ มาตรการทางการเมืองที่พร้อมเพรียงและรอบด้านเพื่อยุติการปะทะใน Idlib ยังคงต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลักคือรัฐบาลซีเรีย รัสเซียและตุรกี สำหรับซีเรีย นี่คือปัญหาเกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดน ส่วนสำหรับรัสเซีย นี่คือการเสริมสร้างอิทธิพลในซีเรียและสำหรับตุรกี นี่คือการแก้ไขปัญหาผู้อพยพข้ามพรมแดน ความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากชาวเคิร์ดและยืนยันถึงบทบาทในซีเรีย ข้อตกลงหยุดยิงที่เพิ่งบรรลุระหว่างรัสเซียกับตุรกีได้ช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการเผชิญหน้าด้านการทหารและอำนวยความสะดวกในการแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม สันติภาพในซีเรียยังคงขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกฝ่ายที่เข้าร่วมการเจรจาเพื่อให้ผลประโยชน์ของทุกฝ่ายมีความสมดุลกัน.
Huyền