เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำเวียดนาม Andrew Goledzinowski (baoquocte.vn)

เวียดนามและออสเตรเลียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1973 ซึ่งในปีนี้ทั้งสองประเทศจะรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 5 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ขณะนี้ผู้นำเวียดนามและออสเตรเลียต่างสนับสนุนการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเพื่อเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี

ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้รับการกระชับอย่างมีประสิทธิภาพและจริงจัง

ในเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – ออสเตรเลียได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง จริงจังและมีประสิทธิภาพ ในด้านการเมือง ผู้นำทั้งสองประเทศต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเยือนระหว่างกันอยู่เสมอเพื่อผลักดันความไว้วางใจให้นับวันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแอนโธนี อัลบานีส  (Anthony Albanes)e  ส่วนประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม เวืองดิ่งเหวะ ได้ไปเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคมปี 2022 และรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม บุ่ยแทงเซิน ก็ได้ไปเยือนและเป็นประธานร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม – ออสเตรเลียครั้งที่ 4 เมื่อเดือนกันยายนปี 2022 นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลีย Richard Marles ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022 รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย Penny Wong เยือนเวียดนามเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2022 ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนาม เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำเวียดนาม Andrew Goledzinowski ได้ประเมินว่า

“นาย เดวิด เฮอร์ลีย์ เป็นผู้นำประเทศออสเตรเลียในด้านการทูต ดังนั้น การเยือนครั้งนี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่นาย เดวิด เฮอร์ลีย์ ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามเพื่อรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการ นายเดวิด เฮอร์ลีย์ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านแรกในบรรดาแขกรับเชิญระดับสูงที่จะเดินทางมาเยือนเวียดนามในปีนี้”

ในด้านการค้า ทั้งสองประเทศกำลังปฏิบัติกลไกความร่วมมืออย่างคล่องตัว ทั้งในรูปแบบโดยตรงและออนไลน์ โดยแผนปฏิบัติการหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – ออสเตรเลียระยะปี 2020 - 2023 กำลังได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและประสบผลที่น่ายินดีต่างๆ โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2022 ได้บรรลุกว่า 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 เมื่อเทียบกับปี 2021

ในด้านความมั่นคงกลาโหม ทั้งสองประเทศได้ธำรงความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและจริงจังต่อไป โดยกองทัพอากาศออสเตรเลียได้ให้การช่วยเหลือเวียดนามขนส่งอุปกรณ์ของโรงพยาบาลภาคสนามไปยังฐานที่มั่นของกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในซูดานใต้รวม 4 ครั้งและทั้งสองประเทศกำลังร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์ ยาเสพติด ของเถื่อน และอาชญากรรมข้ามชาติ  

ในด้านการศึกษา ฝึกอบรม การเกษตรและการท่องเที่ยว ความร่วมมือระหว่างสองประเทศได้มีขึ้นอย่างดีงามและมีศักยภาพสูง โดยออสเตรเลียสงวนเงินโอดีเอให้แก่เวียดนามอย่างมีเสถียรภาพ สนับสนุนเวียดนามอย่างเข้มแข็งในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ผลักดันความร่วมมือในด้านใหม่ๆ เช่น การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและพลังงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังร่วมมืออย่างใกล้ชิดในปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออก ขยายความร่วมมือในองค์กรและฟอรั่มพหุภาคีต่างๆ  เช่น สหประชาชาติ อาเซียน เอเปก และข้อตกลงการค้าเสรีที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก เช่น ข้อตกลงซีพีทีพีพี และข้อตกลง RCEP เป็นต้น

ร่วมมือฟันฝ่าความท้าทายต่างๆ

นอกจาก 3 เสาหลักของความร่วมมือคือ เพิ่มการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ กระชับความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ กลาโหมและความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงปัญญาและการเปลี่ยนแปลงใหม่ในกรอบแผนปฏิบัติการความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระยะปี 2020-2023 เวียดนามและออสเตรเลียยังมีโอกาสและศักยภาพอีกมากในด้านความร่วมมือด้านการเกษตร การท่องเที่ยวและการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เอกอัครราชทูต Andrew Goledzinowski ให้ข้อสังเกตว่า

“เราเห็นว่า เวียดนามให้ความสำคัญถึงคุณค่าที่ผู้นำเวียดนามเรียกว่า เป็นความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์มาก นี่เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ทั้งสองประเทศต้องรับมือความท้าทายต่างๆ ดังนั้น เราควรเลือกเพื่อนมิตรที่น่าไว้วางใจ เวียดนามและออสเตรเลียได้ตัดสินใจว่า จะร่วมมือฟันฝ่าความท้าทายเหล่านี้ ไม่ว่าในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงหรือสิ่งแวดล้อม การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนาย เดวิด เฮอร์ลีย์จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ”