นาง Caitlin Wiesen อดีตหัวหน้าสำนักงานตัวแทนของ UNDP ประจำเวียดนาม (VGP)

ในตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19และการปะทะในยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนหลายพันล้านคนในทั่วโลกและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจสังคมอย่างลึกซึ้ง โดยโครงการเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือ UNDP ได้เผยว่า นับเป็นครั้งแรกในตลอด 32ปีที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI ที่บ่งบอกถึงการพัฒนาใน ๓ ด้านได้แก่  สุขภาพ  การศึกษา และคุณภาพชีวิตของแต่ละประเทศได้ลดลง 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งเป็นก้าวเดินถอยหลังในการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศกว่าร้อยละ 90 ในทั่วโลกมีดัชนี HDI ที่ลดลงในปี 2020และปี 2021 แต่ถึงกระนั้น ดัชนี HDI ของเวียดนามกลับเลื่อนขึ้น 2 อันดับตามรายงานพัฒนามนุษย์ประจำปี 2021 และปี 2022 ที่ UNDP ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า เวียดนามได้พยายามรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยจะลดลงและกลุ่มเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่เวียดนามก็สามารถฟันฝ่าการถดถอยในกระบวนการพัฒนามนุษย์ นาง Caitlin Wiesen อดีตหัวหน้าสำนักงานตัวแทนของ UNDP ประจำเวียดนามได้เผยว่า ผลสำเร็จดังกล่าวมาจากการถือสิทธิของมนุษย์เป็นประเด็นที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาประเทศของเวียดนาม

“พวกเราชื่นชมเวียดนามในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบากสำหรับกลุ่มเสี่ยง รัฐบาลเวียดนามได้มีข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับมาตรฐานความยากจนในหลายมิติเพื่อให้ประชาชนกว่า 8 ล้านคนได้รับประโยชน์จากนโยบายด้านสังคม อีกทั้งมีวงเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่ด้านสวัสดิการสังคมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างชาติได้ให้ข้อสังเกตว่า ในสภาวการณ์ที่หลายประเทศในทั่วโลกประสบความยากลำบากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เวียดนามสามารถรักษาเสถียรภาพด้านการเมืองได้เป็นอย่างดี โดยรัฐบาลเวียดนามได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างพร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบของการแพร่ระบาดต่อเศรษฐกิจ ธำรงและฟื้นฟูการผลิต ประกอบธุรกิจ ค้ำประกันงานทำ สัวสดิการสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงบนเจตนารมณ์ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นาง Prava Samataray เลขาธิการคณะกรรมการสามัคคีอินเดีย-เวียดนาม รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดียได้เผยว่า

“ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนจะเพิ่มขึ้นเมื่อการพัฒนาประเทศมาจากส่วนร่วมของประชาชนบางส่วนเท่านั้น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังจนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ที่เวียดนามได้ถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางในทุกนโยบายและได้ก้าวไปสู่สังคมนิยมตามกลไกตลาด โดยมีการเข้าร่วมของประชาชนทุกคนในกระบวนการพัฒนาประเทศ”

ผลสำรวจ Expat Insider หรือการจัดอันดับประเทศน่าอยู่สำหรับชาวต่างชาติประจำปี 2022 พบว่า มีชาวต่างชาติร้อยละ 84 แสดงความพอใจต่อการใช้ชีวิตในเวียดนามและเวียดนามติดอันดับที่ 7 ในรายชื่อ10ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2022สำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งมีชาวต่างชาติจำนวนมากได้เลือกเวียดนามเป็นประเทศสำหรับอาศัยในระยะยาว ส่วนเวียดนามได้เลื่อนขึ้น 2 อันดับในการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดตามรายงานความสุขโลกประจำปี 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศที่ปลอดภัยและประชาชนทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นาย Saadi Salami เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำเวียดนามได้เผยว่า“จากการอาศัยและติดตามการพัฒนาของเวียดนามตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปัจจุบัน ผมสามารถยืนยันกับเพื่อนมิตรชาวต่างชาติและประชาชนเวียดนามว่า เวียดนามได้มีพัฒนาการที่น่าประทับใจ จากประเทศที่ยากจนและต้องนำเข้าอาหาร ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงด้านอาหารโลกและได้รับความสนใจจากหลายประเทศในโลก ซึ่งสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือเวียดนามได้กำหนดเส้นทางของตนเองและเป้าหมายสร้างสรรค์เศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน”

ทัศนะที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามที่ถือมนุษย์เป็นทั้งเป้าหมายและพลังขับเคลื่อนของการพัฒนาและความก้าวหน้าทางสังคม ในการขยายตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาทางสังคมล้วนมีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้เป็นการยืนยันถึงความดีเลิศของระบอบสังคมนิยมที่เวียดนามกำลังสร้างสรรค์และได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก.