(VOVWORLD) -เวียดนามกำลังปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมต่างๆ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหลังจากที่เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ COP 26 ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนพฤศจิกายน นี่คือก้าวเดินที่เหมาะสมเพื่อแปรเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามแนวทางที่กลมกลืน ยั่งยืนและรอบด้าน ความพยายามของเวียดนามได้รับคำชื่นชมจากประชาคมระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุม COP 26 (VNA) |
การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนคือแนวโน้มที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือปัญหาระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกคน รัฐบาลเวียดนามกำหนดว่า ในการปฏิบัติทุกกิจกรรม ต้องถือประชาชนเป็นเป้าหมาย เป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นศูนย์กลาง
ปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมต่างๆ
หลังการประชุม COP 26 นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้จัดตั้งคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเพื่อปฏิบัติคำมั่นต่างๆของเวียดนาม ประกาศระเบียบปฏิบัติการของคณะกรรมการชี้นำฯ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการชี้นำฯ พร้อมกับระเบียบปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติงาน ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการชี้นำฯ เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า
“ถ้าหากเราทำ ก็ต้องให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชนและประเทศ โดยให้ระดับท้องถิ่นเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติ ต้องทำการปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเข้าสู่ยุคดิจิทัล ระดมพลังทุกแหล่งของทั้งระบบการเมือง แหล่งพลังภายในและต่างปะเทศ รวมทั้งแหล่งพลังจากภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ”
รัฐบาลเวียดนามได้ตรวจสอบและปรับปรุงยุทธศาสตร์และแผนการที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 0% ภายในปี 2050 เข้าร่วมอย่างเข้มแข็งและเป็นฝ่ายรุกในการหารือกับองค์กรระหว่างประเทศและหุ้นส่วนพัฒนาเพื่อใช้โอกาสความร่วมมือในด้านการเงิน เทคโนโลยี เพิ่มทักษะความสามารถในการปฏิบัติข้อตกลงปารีสและคำมั่นต่างๆของเวียดนามในการประชุม COP 26 พร้อมทั้งจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้าและถ่านหินมาเป็นการใช้พลังงานสะอาด ระดมพลังทุกแหล่งเพื่อลงทุนให้แก่โครงสร้างพื้นฐานในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปฏิบัติยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อมีส่วนร่วมบรรลุคำมั่นต่างๆ อำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเข้ามาปฏิบัติโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม เป็นต้น
เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเวียดนามได้ประกาศรายงานประเมินสภาพภูมิอากาศของประเทศครั้งแรก ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญสำหรับกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ ช่วยให้ผู้บริหารและประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับลักษณะ สภาพอากาศและอัตราการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในทั่วประเทศ ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความพยายาม ผลสำเร็จและข้อบกพร่องของเวียดนามในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนนำมาใช้ในการวางแผน การจัดทำและอัพเดทยุทธศาสตร์ กและปฏิบัติการพัฒนาต่างๆ
นอกจากนี้ เวียดนามกำลังผลักดันการจัดทำร่างยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยแบ่งเป็นระยะต่างๆจนถึงปี 2050 ซึ่งไม่ได้เน้นแค่เรื่องประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนแผนยุทธศาสตร์ก่อนหน้านี้เท่านั้น โดยได้มีการกำหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต้องสอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ลักษณะเฉพาะของแต่ละด้านที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยต้องคำนึงถึงความเสี่ยง ความท้ายทาย ศักยภาพและการให้สิทธิพิเศษในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทั้งในและนอกประเทศ
เดินพร้อมกับประชาคมระหว่างประเทศ
นับตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้ให้การต้อนรับและพบปะหารือกับคณะผู้แทนระหว่างประเทศต่างๆ เช่น นาย Alok Kumar Sharma รัฐมนตรีและประธาน COP 26 นาย Frans Timmermans รองประธานฝ่ายบริหารคณะกรรมการยุโรปหรืออีซีและนาย John Kerry ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐที่ดูแลปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษของประชาคมระหว่างประเทศต่อเวียดนามหลังการประชุม COP 26
ซึ่งนาย Alok Kumar Sharma รัฐมนตรีและประธาน COP 26 ได้แสดงความประทับใจต่อความพยายามของเวียดนามในการปฏิบัติคำมั่นที่ให้ไว้ในการประชุม COP 26 โดยแสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามมีโอกาสมากมายเมื่อเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลกแต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น แนวทางการเข้าถึงอย่างรอบด้านจากรัฐบาลและการที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เร่งจัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติและตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการฯได้ช่วยเพิ่มความไว้วางใจของนักลงทุนระหว่างประเทศ สำหรับปัญหาพลังงานหมุนเวียน นาย Alok Kumar Sharma รัฐมนตรีและประธาน COP 26 กล่าวว่า
“ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไม่มีแบ่งแยกเส้นแบ่งพรมแดน ดังนั้น ถ้าหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส พื้นที่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงร้อยละ 40 จะได้รับผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและการทำมาหากินของครอบครัว 17 ล้านครอบครัว สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ดังนั้น ถ้าหากเราไม่ปฏิบัติ เราจะได้รับผลเสียหายมากกว่ามูลค่าเงินที่เราใช้เพื่อการปฏิบัติเป็นหลายเท่า ผมเห็นด้วยและมีความยินดีที่เวียดนามให้คำมั่นเกี่ยวกับการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นพลังงานหลักของเวียดนาม”
ส่วนนาย John Kerry ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐที่ดูแลปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ประเมินว่า เวียดนามได้ให้คำมั่นที่สำคัญๆ และรัฐบาลเวียดนามกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว สหรัฐหวังว่า จะร่วมมือกับเวียดนามและให้การช่วยเหลือเวียดนามในกระบวนการปรับเปลี่ยนนี้
การที่เวียดนามเป็นฝ่ายรุกและปฏิบัติมาตรการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างเข้มแข็งได้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเวียดนามต่อประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งมีส่วนร่วมต่อการแปรเป้าหมายการพัฒนาของเวียดนามตามแนวทางที่กลมกลืน ยั่งยืนและรอบด้านอย่างเป็นรูปธรรม.