(VOVWORLD) - เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ สำนักงานของสหประชาชาติ เวียดนามและวานูอาตูเป็นประธานร่วมในการประชุมเตรียมความพร้อมให้แก่การขอคำปรึกษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือ ICJ เกี่ยวกับความรับผิดชอบของแต่ละประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นการยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับความตั้งใจของเวียดนามในการรับมือปัญหานี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความท้าทายร่วมของมนุษย์ที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้ระบุในมติปี 2023
เอกอัครราชทูต ดั๋งหว่างยาง หัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำสหประชาชาติ (VNA) |
การประชุมมีการเข้าร่วมของผู้เชี่ยวชาญด้านนิตินัย นักวิชาการและนักกฎหมายที่มาจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิกกว่า 20 ประเทศ รวมไปถึงตัวแทนของคณะผู้แทนของประเทศต่างๆ ประจำสหประชาชาติและสำนักงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามเพื่อแสดงให้เห็นถึงคำมั่นของเวียดนามในฐานะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
มีเสียงพูดอย่างเข้มแข็งเพื่อแก้ไขความท้าทายร่วม
เมื่อปี 2023 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้อนุมัติมติที่ยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือความท้าทายร่วมกัน ดังนั้น ทุกประเทศต้องมีความรับผิดชอบและร่วมรับมือแก้ไขปัญหานี้อย่างเสมอภาคและยุติธรรม การที่เวียดนามในฐานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาได้เข้าร่วมกระบวนการของ ICJ เพื่อพิจารณาและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหานี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก ช่วยให้ทุกประเทศตระหนักได้ดีเกี่ยวกับความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมสร้างกรอบทางนิตินัยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นในอนาคต
ในฐานะเป็นหนึ่งในประเทศเดินหน้าในการจัดการประชุมเตรียมความพร้อมให้แก่การขอคำปรึกษาของ ICJ เกี่ยวกับความรับผิดชอบของแต่ละประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เวียดนามได้แสดงความรับผิดชอบของประเทศสมาชิกที่ปฏิบัติตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาต่างๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น กรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงปารีส อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เป็นต้น ซึ่งได้ร่วมมือกับบรรดาประเทศที่กำลังพัฒนามีเสียงพูดอย่างเข้มแข็งต่อปัญหานี้และร่วมมือกับสมัชชาใหญ่สหประชาชาติและ ICJ กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบด้านนิตินัยของทุกประเทศที่ก่อปัญหามลพิษทางอากาศในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันและอนาคต
พยายามปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศเดินหน้าในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมาจากการที่เวียดนามเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัญหานี้ เป็นสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบต่อคำมั่นระหว่างประเทศและเป็นประเทศเดินหน้าในการปฏิบัติกิจกรรมรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันหลายครั้งโดยผู้นำรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ของเวียดนาม ดั่งคำยืนยันของนาย เลมิงห์เงิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมและนาย ด่าวซวนลาย หัวหน้าคณะกรรรมการดูแลปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สังกัดโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนามว่า
“เวียดนามต่างแสดงความรับผิดชอบในฐานะเป็นสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างเข้มแข็งของประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศและหุ้นส่วนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ วิทยาศาสตร์ ประสบการณ์ แหล่งพลังและความคิดริเริ่มต่างๆ เพื่อเศรษฐกิจแห่งสีเขียวที่ยั่งยืนและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
“รัฐบาลเวียดนามให้คำมั่นแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่เวียดนาม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบันเท่านั้น หากยังเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคตและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอีกด้วย”
เมื่อปี 2021 นับเป็นครั้งแรกที่เวียดนามให้คำมั่นถึงปี 2050 จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามยังคงปฏิบัติคำมั่นนี้ผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมต่างๆ โดยรัฐบาลเวียดนามได้จัดตั้งคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ส่วนกระทรวงและหน่วยงานต่างได้วางแผนและจัดโครงการปฏิบัติคำมั่นเหล่านี้ นาย เจืองดึ๊กชี้ อดีตผู้อำนวยการโครงการร่วมมือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมอุทกศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเผยว่า ควบคู่กับความพยายามของรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานทุกระดับและทางการปกครองท้องถิ่นยังเรียกเงินบริจาคจากต่างประเทศให้แก่การรับมือปัญหานี้ของเวียดนามอีกด้วย นอกจากนี้ ก็มีการเข้าร่วมของสถานประกอบการและชุมชนต่างๆ ช่วยให้การรับมือปัญหาสภาพภูมิอากาศประสบผลที่น่ายินดีต่างๆ
สำหรับความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เมื่อปี 2023 เวียดนามได้ร่วมกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศออกแถลงการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับข้อตกลงการเป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมหรือ JETP เพื่อการปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียวและปฏิบัติเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ตามคำมั่นที่ให้ไว้ สำหรับการเข้าร่วมของเวียดนามในแถลงการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Rishi Sunak ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า
“เวียดนามเป็นเศรษฐกิจที่เพิ่งโดดเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อตระหนักได้ดีเกี่ยวกับความสำคัญและโอกาสบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เวียดนามได้เป็นประเทศเดินหน้าให้ประเทศอื่นๆ เรียนรู้ปฏิบัติตาม ส่วนข้อตกลงที่เราประกาศนี้จะเอื้ออำนวยให้แก่รัฐบาลเวียดนามมากขึ้น”
บนพื้นฐานคำมั่นและการปฏิบัติในเวลาที่ผ่านมา การจัดการประชุมเตรียมความพร้อมให้แก่การขอคำปรึกษาของ ICJ เกี่ยวกับความรับผิดชอบของแต่ละประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเวียดนามในฐานะประเทศสมาชิกที่มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการแก้ไขความท้าทายต่างๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในทั่วโลก.