โลกแสวงหามาตรการแก้ไขการปะทะในซูดาน
Anh Huyen- VOV5 -  
(VOVWORLD) -ในหลายวันที่ผ่านมา โลกได้ติดตามสถานการณ์การเมืองและความมั่นคงในซูดาน ซึ่งกำลังเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกองกำลัง RSF อย่างใกล้ชิด ซึ่งถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ ความพยายามทางการทูตกำลังมีขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดกลั้นและเปิดโอกาสให้แก่การสนทนาเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ให้มีเสถียรภาพ
กรุง Khartoum หลังเหตุการปะทะเมื่อวันที่ 15 เมษายน (AP) |
ความตึงเครียดในซูดานได้ยืดเยื้อมานานหลายเดือนและได้บานปลายจนเกิดการปะทะระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกองกำลัง RSF ในพื้นที่หลายแห่ง รวมทั้งในกรุง Khartoum เมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา โดย RSF ประกาศยึดทำเนียบประธานาธิบดีและอาคารของเสนาธิการใหญ่กองทัพ รวมทั้งสนามบินทุกแห่ง ส่วนกองทัพซูดานก็ปฏิเสธข้อมูลของ RSF และถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้และยังไม่ทราบว่า ซูดานกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายใด
สาเหตุของสงครามกลางเมืองในซูดาน
การปะทะในปัจจุบันมีสาเหตุจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่กุมอำนาจต่างๆ ในซูดาน ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรในการรัฐประหารเมื่อปี 2019 แต่ปัจจุบันนี้ กองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอิทธิพล
กองทัพซูดานอยู่ภายใต้การนำของนายพล Abdel Fattah al-Burhan ส่วนกองกำลัง RSF อยู่ภายใต้การนำของนายพล Hemetti ซึ่งรัฐบาลทหารที่ได้รับการก่อตั้งหลังการรัฐประหารมีนายพล Al-Burhan เป็นผู้นำ ส่วนนายพล Hemetti เป็นรองผู้นำแต่ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายได้เกิดขึ้นในเวลาที่ปฏิบัติแผนการผนวก RSF เข้ากับกองทัพซูดาน โดย RSF มีความประสงค์ว่า ขบวนการผนวกนี้จะใช้เวลา 10 ปีแต่กองทัพซูดานอยากทำให้แล้วเสร็จภายในเวลา 2 ปี กองกำลัง RSF ถูกจัดตั้งเมื่อปี 2003 ในสมัยของประธานาธิบดี Al-Bashir ถึงปี 2017 นาย Al-Bashir ได้นำกองกำลัง RSF อยู่ภายใต้การบริหารของกองทัพแต่ยังอนุญาตให้กองกำลังนี้มีสิทธิปกป้องตนเอง การผนวก RSF เข้ากับกองทัพซูดานเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่นำซูดานกลับมาอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลพลเรือน ที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหประชาชาติและสหรัฐ
เมื่อเร็วๆนี้ ความขัดแย้งใหม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากการเลือกผู้บริหารชุดใหม่ของกองกำลังติดอาวุธร่วมของซูดานในช่วงการผนวก RSF โดยกองทัพซูดานมีความประสงค์ว่า ผู้บริหารชุดใหม่จะเป็นสมาชิกของกองกำลังติดอาวุธ ส่วน RSF ได้เรียกร้องให้ผู้บริหารชุดใหม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีที่เป็นพลเรือน ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายได้เลื่อนเวลาลงนามข้อตกลงฉบับสุดท้ายที่ต้องมีขึ้นเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาและได้รับการสนับสนุนจากโลกเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนสู่ระบอบประชาธิปไตยในซูดาน ซึ่งการเลื่อนการลงนามโดยไม่กำหนดกรอบเวลานั้นได้ส่งผลให้ความตึงเครียดระหวางสองฝ่ายทวีความรุนแรงมากขึ้น
ประชาคมโลกพยายามยุติการปะทะ
สถานการณ์ในซูดานได้ทำให้ประชาคมโลกมีความกังวลเป็นอย่างมาก โดยบรรดาประเทศเพื่อนบ้านคืออียิปต์และสาธารณชาดได้ปิดชายแดนที่ติดกับซูดาน ส่วนสายการบินของอียิปต์ ซาอุดิอาระเบียและกาตาร์ได้ระงับเที่ยวบินไปยังซูดาน สหภาพแอฟริกา สันนิบาตอาหรับ สำนักงานร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการพัฒนาหรือ IGAD ที่ซูดานเป็นสมาชิกและประชาคมระหว่างประเทศได้กล่าวตำหนิการใช้ความรุนแรงและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนทนากันเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไข
ล่าสุด คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้จัดการประชุม ณ นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในซูดาน โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากันเพื่อลดความแตกแยกและความขัดแย้ง โดยเฉพาะในเรื่องการผนวก RSF เข้ากองทัพซูดาน แต่ถึงขณะนี้ ก้าวเดินที่ได้บรรลุมีเพียงอย่างเดียวคือทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกับข้อเสนอของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปิดระเบียงด้านมนุษยธรรม 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ซึ่งก็ยังมีความเปราะบางเพราะทั้งสองฝ่ายยังคงเตรียมพร้อมทำการตอบโต้ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามละเมิดข้อตกลงนี้
ที่เอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 16 เมษายน สภาความมั่นคงและสันติภาพของสหภาพแอฟริกาได้ประชุมฉุกเฉินเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในซูดานมีความอดกลั้นและกลับมานั่งสนทนา โดยแสดงทัศนะที่คัดค้านการแทรกแซงจากภายนอกที่อาจทำให้สถานการณ์ในซูดานซับซ้อนมากขึ้น ในวันเดียวกัน สันนิบาตอาหรับก็ได้จัดการประชุมฉุกเฉิน โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการปะทะทันทีเพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ บูรณะภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของซูดาน บางประเทศก็แสดงความประสงค์ที่จะเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยแต่ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่า การปะทะจะยุติโดยเร็ว คาดว่า การปะทะครั้งนี้จะทำให้ภาพการเมืองในซูดาน ซึ่งมีความไร้เสถียรภาพอยู่แล้วนั้น โดยเฉพาะหลังเหตุรัฐประหารเมื่อปี 2019 มีความซับซ้อนมากขึ้น.
Anh Huyen- VOV5