คณะนักร้องประสานเสียง ฮีหวอง-จุดประกายความฝันให้แก่คนตาบอด
Le Phuong/VOV5 -  
(VOVworld)- น่าประทับใจมาก เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องที่น่าทึ่ง นั่นคือคำชมของ บรรดาแขกรับเชิญที่ได้มีโอกาสชมการเเสดงของคณะนักร้องประสานเสียงคนตาบอด ฮีหวอง หรือความหวัง ซึ่งแม้จะไม่ได้มีโอกาสมองเห็นชีวิตที่หลากหลายสีสัน แต่สมาชิกทุกคนในคณะต่างก็ปรารถนาที่จะได้ใช้ความสามารถของตนมาเติมแต่งความงดงามของชีวิต
(VOVworld)- น่าประทับใจมาก เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องที่น่าทึ่ง นั่นคือคำชมของ บรรดาแขกรับเชิญที่ได้มีโอกาสชมการเเสดงของคณะนักร้องประสานเสียงคนตาบอด ฮีหวอง หรือความหวัง ซึ่งแม้จะไม่ได้มีโอกาสมองเห็นชีวิตที่หลากหลายสีสัน แต่สมาชิกทุกคนในคณะต่างก็ปรารถนาที่จะได้ใช้ความสามารถของตนมาเติมแต่งความงดงามของชีวิต
ท่ามกลางอากาศเย็นปลายฤดูหนาวในวันสุดสัปดาห์ช่วงกลางเดือนมีนาคมบรรดาเอกอัครราชทูตหลายประเทศประจำเวียดนามเช่น เวเนซูเอลา เนเธอแลนด์ กรีซ อิตาลี เป็นต้น ได้มาร่วมงานสังสรรค์และชมการแสดงดนตรีพิเศษในบรรยากาศที่อบอุ่น ณ บ้านพักของท่านเอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำเวียดนาม“ดิฉันได้มีโอกาสชมคณะนักร้องประสานเสียง ฮีหวอง แสดงแล้วและประทับใจกับความสามารถของพวกเขามาก ดังนั้นในวันนี้ดิฉันก็อยากเชิญทุกท่านมาร่วมฟังเพลง20บทในภาษาต่างๆโดยการแสดงของวงนี้”
คำแนะนำของนาง ฮาสซันที ดิส์ซานายากี เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำเวียดนามได้ทำให้บรรดาเอกอัครราชทูตที่เข้าร่วมงานรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งการแสดงของคณะนักร้องประสานเสียงคนตาบอดและการแสดงดนตรีพื้นเมืองเวียดนามต่างก็ทำให้บรรดาแขกรับเชิญต้องอุทานออกมาเนื่องจากความแปลกใจและประทับใจ ทุกคนได้ปล่อยภวังค์ไปกับเสียงเพลงเสียงดนตรีในหลากหลายจังหวะลีลาทั้งแบบพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนามหรือเพลงดังของประเทศต่างๆ
คณะนักร้องประสานเสียงคนตาบอด ฮีหวอง มีนักร้องและนักแสดงดนตรีพื้นเมืองรวม20คนถูกก่อตั้งเมื่อ17ปีก่อนโดยศิลปินสองคนที่ทุ่มเทให้กับศิลปะและเปี่ยมด้วยความเมตตาคือนักเปียโนชื่อดัง ตนเทิดเจียมกับภริยาของเขานักร้องโอเปร่า เหงวียนซวนแทง ซึ่งสำหรับคนธรรมดา การเรียนภาษาต่างประเทศเพียงภาษาเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว สำหรับศิลปินคนตาบอด การที่ต้องฝึกต้องเรียนและท่องจำเพลงต่างประเทศกว่า20ภาษานั้นก็กลับยิ่งยากกว่าร้อยเท่า โดยศิลปินตนเทิดเจียมต้องอ่านเนื้อร้องทุกคำให้เสียงดังฟังชัดพร้อมอธิบายความหมายเพื่อให้ลูกศิษย์ท่องจำได้ง่าย นายเหงวียนวันหุ่ง สมาชิกในคณะนักร้องฮีหวองเผยว่า“ยากที่สุดคือเพลงภาษารัสเซียที่มีตัวอักษรลงท้ายพวกRที่ต้องพันลิ้นเมื่อออกเสียง ซึ่งต้องฝึกเข้มมากเพราะภาษาเวียดนามก็มีตัวอักษรนี้แต่การออกเสียงไม่เหมือนกัน”
|
ในเวลาที่ผ่านมา คณะนักร้องคนตาบอดฮีหวองได้ไปแสดงในกิจกรรมสำคัญต่างๆเช่นงานวันชาติของสถานทูตหลายประเทศรวมทั้งได้รับเชิญไปแสดงให้ผู้นำต่างชาติหลายคนที่มาเยือนเวียดนามได้ชมเช่น อดีตนายกฯฝรั่งเศส ฟรังซัว ฟีล์ลอน กษัตริย์แห่งมาเลเซีย หรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐบิลคลินตัน นับตั้งแต่ได้รับการก่อตั้ง คณะนักร้องคนตาบอดฮีหวองได้จัดทำซีดีและดีวีดี4ชุดที่บันทึกการร้องเพลงชาติของ20ประเทศเป็นภาษาของประเทศนั้นๆ ซึ่งการแสดงในแต่ละชุดของพวกเขาเปรียบเสมือนการพาผู้ชมเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศต่างๆทั่วโลกด้วยลีลาที่ไพเราะอย่างน่าประทับใจ นาง เนียนกี ตรุสเตอร์ เอกอัครราชทูตเนเธอแลนด์ประจำเวียดนามชื่นชมว่า“ดิฉันประทับใจศิลปินคนตาบอดป็นอย่างมากแม้จะมองไม่เห็นแต่พวกเขาก็สามารถสร้างผลงานดนตรีที่ยอดเยี่ยมในหลากหลายภาษาอย่างเป็นมืออาชีพ ทำให้คนฟังซึ้งใจมาก”
นายเหงวียนวันหุ่ง สมาชิกในคณะนักร้องฮีหวองบอกว่า สำหรับสองสามีภรรยาศิลปิน ตนเทิดเจียม ผู้ริเริ่มก่อตั้งคณะนักร้องคนตาบอดฮีหวอง แม้จะยังคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการในการฝึกสอนให้แก่คนพิการแต่เขาทั้งสองก็ยังคงอดทนและมานะพยายามถ่ายทอดทักษะความสามารถและความรักศิลปะให้แก่บรรดาศิลปินที่ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นแสงสว่าง“ทั้งครูและลูกศิษย์ต่างมีความเข้าใจและรักใคร่กัน ซึ่งลูกศิษย์ทุกคนซาบซึ้งถึงความรักอันสุดใจของครูจึงบอกกับตัวเองว่าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อฝึกให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนต่อความทุ่มเทของครูเพื่อพัฒนาวงต่อไป”
สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือในคณะนักร้องคนตาบอดฮีหวองนี้ มีบางคนได้ผ่านการศึกษาด้านดนตรีพื้นเมืองในสถาบันดนตรีและหลายคนไม่ได้มีโอกาสเรียนดนตรีเรียนร้องเพลงเหมือนนักร้องทั่วไปแต่พวกเขาสามารถร้องเพลงต่างชาติได้อย่างไพเราะ ซึ่งผลงานของพวกเขาที่เป็นที่ชื่นชมของทุกคนนั้นได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า นอกจากต้องมีความพยายามอย่างยิ่งในการฝึกแล้ว ทุกคนต่างก็มีความหลงไหลในศิลปะจนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ตามบทเพลงได้อย่างลึกซึ้งกินใจ
ฮีหวอง หรือ ความหวัง ความหมายของชื่อคณะนักร้องคนตาบอดนี้ก็คือความปรารถนาของศิลปินทุกคนในการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า แม้จะพิการทางร่างกายแต่พวกเขาก็อยากใช้ความรู้ความสามารถของตนเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อชีวิตที่มีแต่ความสุข.
Le Phuong/VOV5