สมาชิกกองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์ของสถานีวิทยุเวียดนามเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต

“ดิฉันเป็นผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายหยุดยากหรือฮิโมฟิเลียแต่กำเนิดและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ในช่วงที่ผ่านมา เลือดกรุ๊ปโอขาดแคลนหนัก ทำให้ต้องรอเลือดบริจาคนาน”

นี่คือคำกล่าวของนาง หวูถิเหวี่ยน ในอำเภอแถกบ่าน จังหวัดแทงฮว้า ซึ่งนี่เป็นปัญหาของผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายหยุดยากกว่า 2 หมื่นคนในทั่วประเทศที่ต้องรอรับบริจาคเลือดจากผู้อื่นเพราะเลือดสำหรับรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากผู้บริจาคโลหิต ดั่งเช่นครอบครัวนาย เลจุงเจวี่ยน อายุ 59 ปีที่หมู่บ้านหมายเลข 3 ตำบลซวนกวาน อำเภอวันยาง จังหวัดฮึงเอียน ที่ในตลอด 10ปีที่ผ่านมา ตัวเขาพร้อมลูกชาย  ลูกสาว ลูกเขย น้องสาวและหลาน รวม 17 คนได้บริจาคโลหิตหลายครั้งเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น“ผมไม่มีเงินมากพอเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็สามารถบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้การบริจาคโลหิตยังดีต่อสุขภาพของตนเองด้วย ดังนั้นผมจะบริจาคโลหิตจนกว่าจะไม่สามารถบริจาคได้”

จนถึงปัจจุบัน นาย เจวี่ยนได้บริจาคโลหิตแล้วเกือบ 20 ครั้ง ส่วนนาง เลถิบิ๊กเหยียบ ลูกสาวคนที่ 2 ของนาย เจวี่ยน อายุ 31ปีได้บริจาคโลหิตไปแล้วเกือบ 30 ครั้ง ในขณะที่ลูกเขย 2 คนของนาย เจวี่ยนก็เคยบริจาคโลหิตกว่า 20 ครั้ง ซึ่งถึงแม้เหลือเวลาอีก 1 ปี อายุของนาย เจวี่ยนก็จะเกินเกณฑ์การบริจาคโลหิต แต่เขาบอกว่าจะยังคงมีความตั้งใจบริจาคโลหิตในช่วง1ปีนี้

นอกจากครอบครัวนาย เลจุงเจวี่ยนแล้ว ยังมีครอบครัวนาย เลดิ่งหยวดในเขตแทงซวน กรุงฮานอยที่บริจาคโลหิตไปแล้ว 140 ยูนิต ครอบครัวนางหวิ่งถิหมียุงในเมืองกามแรง จังหวัดแค้งหว่าที่บริจาคโลหิตนับร้อยครั้ง รวมทั้งสมาชิกสโมสร “ธนาคารโลหิต”และ กลุ่มโลหิตหายากที่พร้อมบริจาคโลหิตทุกเวลาเพื่อช่วยชีวิตคน และบุคคลตัวอย่าง เช่น นาย เหงวียนฮึวถ่วน อายุ 44ปี สมาชิกทีมรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขต 1 นครโฮจิมินห์ที่ได้บริจาคโลหิตไปแล้วกว่า 100 ครั้ง นาย เหงวียนเหวียดเตี๊ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เผยว่า“พวกเรามีความซาบซึ้งใจมากที่มีผู้บริจาคโลหิตหลายครั้งและมีครอบครัวต่างๆบริจาคโลหิต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประชาชนในการช่วยชีวิตผู้อื่นและเป็นการส่งเสริมเกียรติประวัติที่ดีงามของประชาชาติเวียดนาม”

การบริจาคโลหิตนับวันได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพราะได้เล็งเห็นถึงความหมายของการช่วยชีวิตผู้อื่นด้วยหยดเลือดของตนเอง คุณ ดั่งหวูก๊าดเตื่อง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกิ่นเทอได้เผยว่า ได้บริจาคโลหิตหลายครั้งและนี่คือการบริจาคโลหิตครั้งที่ 6 “ฉันคิดว่า การบริจาคโลหิตจะส่งผลดีต่อสุขภาพของตนเองเพราะมีการสร้างเลือดใหม่และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยจำนวนมากที่ขาดแคลนเลือด”

ปัจจุบัน อัตราผู้บริจาคโลหิตในเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 10ปีก่อน แต่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้ร้อยละ 80 เท่านั้น ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การบริจาคโลหิตคือกิจกรรมที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่งในการช่วยชีวิตผู้อื่น ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการเลือดเพื่อรักษาผู้ป่วยและการเก็บสำรอง ประชาชนทุกคนควรเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยชีวิตคน.