(VOVworld)- นายเดิวด สมิท อายุ52ปีชาวอังกฤษ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเวียดนามมากว่า5ปี แต่ในความรู้สึกของเขาทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ย่านโบราณฮานอย36สายก็เหมือนหลงเข้าในเมืองแห่งเขาวงกต ส่วนสำหรับนายเหงวียนกวน อายุ35ปี สถาปนิกชาวฮานอยก็ยังคงรู้สึกแปลกใจกับการที่คนในย่านโบราณนี้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างสร้างสรรค์
(VOVworld)- นายเดิวด สมิท อายุ52ปีชาวอังกฤษ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเวียดนามมากว่า5ปี แต่ในความรู้สึกของเขาทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ย่านโบราณฮานอย36สายก็เหมือนหลงเข้าในเมืองแห่งเขาวงกต ส่วนสำหรับนายเหงวียนกวน อายุ35ปี สถาปนิกชาวฮานอยก็ยังคงรู้สึกแปลกใจกับการที่คนในย่านโบราณนี้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งความคิดและความหลงไหลในวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของย่านโบราณฮานอยได้เป็นแรงจูงใจให้คนสองคนนี้กลายเป็นเพื่อนและมีความคิดที่จะเดินทางไปค้นคว้าชีวิตของชาวฮานอยใน“บ้านกล่องไม้ขีด”ที่ย่านโบราณ
นายกวน นายเดวิดและนักข่าววิทยุเวียดนาม ที่หน้าบ้านเลขที่48ถนนห่างเทียก
|
“ผมคิดว่าของแบบนี้จะผลิตในโรงงานใหญ่ๆเท่านั้น ไม่นึกเลยว่ามันยังถูกผลิตด้วยมือในร้านขายอันคับแคบที่กว้างไม่กี่ตารางเมตรอย่างนี้”
นายกวนกับนายเดวิดได้หยุดอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่48ถนนห่างเทียกเป้าหมายของพวกเขาคือจะเข้าไปเยี่ยมบ้านของเพื่อนคุณกวนคือนายเหงวียนบ๊าวิงเหียน ที่อยู่ในซอยที่มีทางเข้าสูงไม่ถึง2เมตรกว้างแค่60เซนติเมตร
ระวังศรีษะครับ ทางเดินแคบมาก
โอเคครับ สนุกดี//ผมไม่เคยเห็นซอยที่เล็กขนาดนี้ในอังกฤษไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะมี
เดินแค่ไม่ถึง20ก้าวก็เข้าถึงลานกลางขนาดกว้าง5ตารางเมตร ทางมุมขวามือมีรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่สองสามคัน มีจักรยาน2คันแขวนไว้บนที่สูง มุมซ้ายเป็นกองผลิตภัณฑ์ดีบุกที่สูงเกินหัวคน ถ้าเดินลึกเข้าไปตามทางเล็กก็เป็นส่วนครัวและห้องสุขาของสองครอบครัวที่อาศัยในชั้นหนึ่ง เมื่อขึ้นบันไดไปชั้นสองและสามก็เป็นที่อยู่อาศัยของอีก4ครอบครัว“บ้านหลังนี้อายุคงถึงร้อยกว่าปีแน่ ครอบครัวเพื่อนผมอาศัยที่นี่ตั้งแต่ช่วงก่อนปี1940 ลานกลางที่เรายืนเมื่อกี๊คนเวียดนามเรียกว่า เหยี้ยงเจ่ย หรือช่องอากาศรับแสงสว่าง เมื่อก่อนมีสองที่แต่พอจำนวนคนที่อาศัยมีมากขึ้นเขาก็ปิดไปช่องหนึ่งเพื่อสร้างเป็นครัวและเพิ่มชั้น ถ้าหากครอบครัวไหนมีลูกแต่งงานแล้วมาอยู่ด้วยก็จะสร้างชั้นลอยในบ้านเพิ่มอีก”
|
บ้านของคุณเหียนเพื่อนคุณกวนมีพื้นที่เพียง10ตารางเมตร ซึ่งเล็กที่สุดในจำนวน6ครอบครัวที่อาศัยร่วมกันในตึกนี้ โดยบ้านแบ่งเป็นสองส่วน ชั้นล่างสำหรับการใช้สอยทั่วไปส่วนชั้นลอยเป็นที่นอนของสามีภรรยานายเหียน ซึ่งนายเดวิดก็ตกตลึงกับสภาพบ้านแบบนี้จนมีคำถามมากมายเพื่อความเข้าใจ“มีคนอยู่จำนวนมากขนาดนี้จะปลอดภัยหรือไม่ แล้วอยู่ชั้นไหนดีที่สุด ชั้นล่างหรือชั้นบน ที่ยุโรปห้องแพงสุดคือห้องที่อยู่บนชั้นสูงหรืออยู่ลึกเข้าไปข้างในเพราะเขาชอบความสงบเงียบ แต่ที่ย่านโบราณนี้น่าจะไม่เหมือนกัน ทุกบ้านมีอาชีพค้าขายอะไรสักอย่างดังนั้นชั้นล่างคงจะได้เปรียบมากกว่า ผมได้ข่าวว่าราคาที่ดินที่นี่เท่ากับที่ดินในยุโรปไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่าครับ”
คุยกับคุณพ่อของคุณเหียนคือนายเหงวียนบ๊าวิงห์ที่กำลังนั่งเฝ้าร้านหน้าซอย
|
คุณเหียนเผยว่า ราคาที่ดินแถวนี้บางช่วงสูงถึง1หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อ/ตารางเมตรแต่การขายที่นั้นก็ไม่ง่ายเพราะภายในตึกเดียวมีหลายครอยครัวอาศัยอยู่เลยกลายเป็นว่ามีหลายเจ้าของ ส่วนถ้าอยากซ่อมแซมส่วนไหนของบ้านก็ยิ่งยากกว่าเพราะมีการใช้สอยร่วมกันในหลายส่วน แต่ชาวบ้านที่นี่มีความใกล้ชิดกันและสนิทกันมากจึงไม่มีใครอยากไปอยู่ที่อื่นเหมือนคุณพ่อของคุณเหียนคือนายเหงวียนบ๊าวิงห์ที่กำลังนั่งเฝ้าร้านขายของด้านหน้าซอย เขาบอกว่า“มีหลายบ้านที่การใช้ชีวิตยังลำบากกว่านี้อีก เราอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ครอบครัวมีอาชีพเป็นช่างดีบุกมาแต่โบราณแต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่น้องชายผมสืบสานอาชีพ ส่วนผมรับราชการแล้วหลังจากเกษียณก็มาเฝ้าร้านช่วยขายของให้น้อง บางวันขายดีบางวันก็ขายไม่ได้สักอย่างแต่เราก็พอใจกับชีวิตเรานะครับ”
จากถนนห่างเทียก จุดหมายปลายทางต่อไปที่นายกวนกับนายเดวิดจะมุ่งหน้าไปคือถนนเลืองวันกาน เพื่อมาเยี่ยมบ้านคุณ เหงวียนถิถ่วน อยู่ในซอยเลขที่29 ซึ่งครอบครัวของเธออยู่ในบ้านหลังนี้มา3รุ่นแล้วแต่บ้านไม่เคยมีเลขที่ ซึ่งแม้จะเป็นซอยเล็กๆที่ด้านหน้าซอยทั้งสองข้างเป็นร้านขายบะหมี่ไข่และแผ่นเกี๊ยว แต่ก็มีช่องรับแสงสว่างมากกว่าบ้านอื่นๆ
หน้าซอยเล็กๆเข้าบ้านคุณถ่วนที่ถนนเลืองวันกาน
|
“อ้าวทำไมถนนนี่ไม่มีคำว่า “ห่าง” ขึ้นต้น แล้วเลืองวันกานนี้จะเป็นถนนในย่านโบราณ36สายหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขากำลังทำเส้นหมี่อะไรครับ เด็กสองคนที่กำลังนั่งทำอยู่นั่นแป้งขาวเต็มหัวเลย น่าสนใจ ผมก็สังเกตเห็นว่าบ้านแถวนี้ส่วนใหญ่ไม่สูงไม่ใหญ่ครับ”
“สำหรับถนนที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ห่าง”เป็นถนนที่มีมาตั้งแต่อดีต ในสมัยที่นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสครองฮานอยก็มีการบูรณะซ่อมแซมและปรับปรุงบางช่วงแล้วตั้งชื่อใหม่ หลังจากได้รับการปลดปล่อยปี1945 ทางการเวียดนามก็ได้เปลี่ยนชื่อให้เหมือนชื่อที่เราเห็นปัจจุบัน ส่วนบ้านอยู่ในย่านนี้จะไม่สูงมากเพราะตามกฎระเบียบที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงเลห้ามชาวบ้านสร้างอาคารสูงเกินขบวนเกี้ยวพระที่นั่งของกษัตริย์ แต่ในยุคที่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสทางการถึงจะอนุญาตให้สามารถสร้างบ้านสองสามชั้นได้”
คุณถ่วนแนะนำเมนูอาหารที่กำลังทำอยู่ให้นายเดวิดฟัง
|
มาถึงช่วงใกล้เที่ยง สองครอบครัวในซอยนี้ก็เริ่มการหุงหาอาหารกลางวันซึ่งสำหรับคุณเดวิด ห้องครัวในบ้านคุณถ่วนนั้นทั้งแปลกทั้งสนุกอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
“กลิ่นอะไรหอมมาก คุณป้ากำลังทำอะไรกินครับ”
“หอยนาต้มเต้าหู้ค่ะ เต้าหู้ที่กำลังทอดอยู่นี่ค่ะ”
“ว้าว หอยนาต้มเต้าหู้ทอด ผมไม่เคยได้ยินเมนูนี้แต่กลิ่นมันหอมจริงๆครับ”
“นี่ไง หอยนานะ แล้วก็หมูสามชั้นด้วย”“หลังจากแต่งงานแล้วมาอยู่ที่นี่ครอบครัวของดิฉันมี6คนคือพ่อแม่แฟน สามีและดิฉันรวมทั้งสามีภรรยาน้องของแฟน แล้วต่อมาแต่ละครอบครัวก็มีลูกอีก2คนรวมเป็น10คน บ้านมี10ตารางเมตร แบ่งให้แก่3ครอบครัว ส่วนบ้านของเรามีแค่3ตารางเมตร เนื้อที่แคบและมีส่วนใช้สอยร่วมกันที่ลานกลางจึงต้องจัดของให้เป็นระบบ ตั้งแต่เตาแก๊สจนถึงเครื่องซักผ้าต้องจัดใส่ตู้หมดเลยแล้วล๊อคไว้ ใช้เมื่อไหร่ก็เปิด ตู้ใส่เตานี้มีขนาด2เมตร”
“ผมเห็นด้วยกับคุณถ่วน การใช้ชีวิตในย่านโบราณนั้นลำบากจริงๆที่ก็แคบเสียงก็ดังวุ่นวาย เด็กๆไม่มีที่เล่น เราอาจจะอยู่ได้แค่สองสามวัน แต่ก็อยากไปอยู่ในเขตใกล้สระโห่เตยหรือสระจุ๊กแบกที่โล่งโปร่งและสงบดีกว่า แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นคือแม้จะใช้ชีวิตในสภาพแบบไหนชาวย่านโบราณเขาก็ไม่เคยบ่นหากดูยิ้มแย้มสนุกสนานและพอใจกับสภาพการกินอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อต้องกลับยุโรปผมก็รู้สึกเหงาและคิดถึงคนที่นี่รวมถึงเสียงคนเสียงรถเสียงแตร มันทำให้ชีวิตดูมีพลังมากขึ้นทุกอย่างได้หมุนเวียนกันมาตลอดไม่เหมือนคนในยุโรป ซึ่งนั่นคือการที่ต้อง “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม””
อำลาเจ้าของบ้านและอำลาความจอแจแออัดแต่ก็มีเสน่ห์ที่น่าค้นคว้าของย่านโบราณฮานอย คุณนามและคุณเดวิดก็ได้นัดกับคุณป้าถ่วนว่าจะกลับมาอีกเพื่อที่จะลิ้มลองแกงหอยนาต้มกับเต้าหู้ทอดในโอกาสหน้า./.