(VOVWORLD) -ในหลายปีที่ผ่านมา เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ได้ไหลเข้าเวียดนามจำนวนมาก แต่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา บรรดานักลงทุนก็มีความประสงค์ว่า จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมต่างๆให้เป็นระบบนิเวศที่ยั่งยืนเพื่อดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น
ปัจจุบันนี้ เวียดนามมีนิคมอุตสาหกรรม 575 แห่ง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของสถานประกอบการหลายพันแห่งจาก 122 ประเทศและดินแดนทั่วโลก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเวลาเกือบ 2 ปีได้ส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายแหล่งเงินลงทุนในทั่วโลก สร้างการแข่งขันระหว่างประเทศที่กำลังพัฒนาและทำให้เกิดเงื่อนไขใหม่สำหรับการพัฒนาของนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต นาย หวูแองตู้ รองอธิบดีกรมการวางผัง - สถาปัตยกรรม สังกัดกระทรวงการก่อสร้างได้กำชับว่า ในสภาวการณ์ใหม่ จำเป็นต้องพัฒนารูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเชิงลึกอเนกประสงค์ และสร้างวิถีชีวิตอุตสาหกรรมแบบใหม่
“สำหรับแนวโน้มในนิคมอุตสาหกรรม เราต้องกำหนดความต้องการให้ชัดเจน ไม่ควรทำก่อนแล้วรอเฉยๆเพราะจะทำให้เราไม่มีความเป็นฝ่ายรุก เราต้องพิจารณาความต้องการสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเพื่อสามารถพัฒนาให้เหมาะสม การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่อ้างอิงหลักวิชาการคือรูปแบบใหม่ที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมเอนกประสงค์ การใช้ชีวิต การทำงานและการพักผ่อนแบบครบวงจรและมีคุณภาพ”
ที่เวียดนาม เขตนิคมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงพัฒนาตามรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเอนกประสงค์ ซึ่งจะโฆษณาชักชวนให้สถานประกอบการเข้ามาเช่าพื้นที่สำหรับการผลิตในแบบสำเร็จรูป ดังนั้น คุณภาพและประสิทธิภาพในการดึงดูดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจจึงมีข้อจำกัดในด้านเทคนิค นาย ฝ่ามห่งเดียบ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารและผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วน Shine ที่ลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมนามเก่าเกี๊ยนในนครไฮฟองได้กล่าวว่า ปัจจุบัน นักลงทุนกำลังสนใจเขตนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแบบสีเขียวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“แนวโน้มของนักลงทุนคือให้ความสนใจถึงเขตนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสามารถเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีและได้รับใบรับรองแห่งสีเขียวเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างๆ การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ช่วยให้เราตระหนักได้ดีว่า แรงงานเป็นกองกำลังที่สำคัญในการผลิต ถ้าหากแรงงานมีรายได้ต่ำ การบริหารแรงงานจะยุ่งยาก ดังนั้นจำเป็นต้องมีนโยบายเกี่ยวกับที่พักอาศัยให้แก่แรงงาน”
ในหลายปีที่ผ่านมา เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ได้ไหลเข้าเวียดนามจำนวนมาก |
ส่วนบรรดานักลงทุนแสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามจำเป็นต้องสร้างเขตนิคมอุตสาหกรรมเอนกประสงค์ เพราะว่า ถ้าหากเป็นนิคมอุตสาหกรรมแบบเก่า จะไม่มีที่พักอาศัยสำหรับแรงงาน แต่แนวโน้มในปัจจุบันคือในนิคมอุตสาหกรรมจะมีตัวเมือง มีที่อยู่อาศัย มีโรงพยาบาลและโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้แรงงานใช้ชีวิตภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างสะดวก นาย Hongsun รองประธานสมาคมสถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนามได้เผยว่า รูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเอนกประสงค์จะส่งเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด -19
“หลายประเทศในทั่วโลกได้ก่อสร้างโรงงานแบบเอนกประสงค์ โรงงานที่มีอาคารสำหรับที่อยู่อาศัยที่มี 5 ชั้นหรือ 10 ชั้นเพื่อประหยัดที่ดินและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้น กระทรวงวางแผนและการลงทุน ทางการท้องถิ่นและคณะกรรมการบริหารเขตนิคมอุตสาหกรรมควรพิจารณาเพื่อพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมตามรูปแบบที่ทันสมัยนี้”
ร่างมติที่ใช้แทนมติที่ 82 ของรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารเขตนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจได้มีการปรับปรุงและเสริมเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับเขตนิคมอุตสาหกรรมเชิงลึกและเขตนิคมอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นาย ฟานหิวทั้ง อดีตอธิบดีกรมการลงทุนต่างประเทศ สังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุนแสดงความคิดเห็นว่า จำเป็นต้องเตรียมพร้อมด้านที่ดินเพื่อต้อนรับโครงการลงทุนใหม่ๆ
“ในความเป็นจริง นักลงทุนหลายคนได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเขตนิคมอุตสาหกรรที่ได้รับมอบที่ดินขนาดใหญ่ แต่มีการเคลียร์พื้นในส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะรอเคลียร์ตอนที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนดังนั้น จำเป็นพัฒนาศักยภาพของเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆโดยเน้นก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”
ปัจจุบันนี้ สำนักงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามได้จัดทำมาตรการแก้ไขอย่างพร้อมเพรียงเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนเก่าและดึงดูดนักลงทุนใหม่ พร้อมทั้งปฏิบัติแนวทางดึงดูดการลงทุนเพื่อพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งควบคู่กับการปรับปรุงนโยบายและกฎหมายให้มีความพร้อมเพรียงในด้านการวางผังพัฒนาของนิคมอุตสาหกรรมและเขตตัวเมืองแล้ว ยังได้มีการปรับปรุงมาตรฐานการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับรูปแบบการผลิตอีกด้วย.