ส่งเสริมตลาดภายในประเทศเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2024

ตามข้อมูลสถิติของธนาคารโลก การเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชาชนของเวียดนามในระยะปี 2017-2022 ได้บรรลุร้อยละ 8.5 สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรโลก ในขณะเดียวกัน จำนวนชนชั้นกลางและสัดส่วนประชากรในเขตเมืองของเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีมานี้ และรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การบริโภคในครอบครัวของคนเวียดนามก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อปี 2023 ขอบเขตของตลาดขายปลีกเวียดนามได้ผ่านตัวเลข 1 แสน 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและคาดว่า จะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป ในขณะที่ปริมาณการขยายปลีกสินค้าและรายรับจากการบริโภคก็บรรลุกว่า 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับปี 2022

ทั้งนี้ได้ช่วยให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศักยภาพสำหรับผู้ค้าปลีกและเป็นโอกาสให้สถานประกอบการต่างๆ สร้างเครื่องหมายการค้าและขยายช่องทางจำหน่ายภายในประเทศให้แก่สินค้าที่มีคุณภาพระดับประเทศและระดับโลก สร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าของประเทศและผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่น นาง มายถิถวี่ นายกสมาคมนักธุรกิจหญิงขนาดกลางและขนาดย่อมกรุงฮานอยแสดงความคิดเห็นว่า

“สถานประกอบการต้องเปลี่ยนแปลงใหม่เอง โดยใช้ความรู้ใหม่ๆ ในด้านธรรมาภิบาล การลงทุนและการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างรวดเร็ว เกาะติดข้อมูลด้านการตลาดและนโยบายสนับสนุนสถานประกอบการต่างๆ ของรัฐโดยเร็ว นั่นคือประเด็นที่สำคัญที่จะช่วยให้สถานประกอบการสามารถอยู่รอดและพัฒนาได้”

ตามข้อมูลสถิติ การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 60-65 ของจีดีพี โดยการบริโภคของครอบครัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50-55 ของจีดีพี ดังนั้น จากการมีประชากรถึง 100 ล้านคน ซึ่งเป็นชนชั้นกลางถึง 20 ล้านคนจะช่วยให้การบริโภคอยู่ในระดับสูง และคาดว่า ถึงปี 2026 เวียดนามจะมีชนชั้นกลางเพิ่มอีก 4 ล้านคน ซึ่งสร้างกระแสความนิยมใหม่ในตลาดทำให้สถานประกอบการต้องเปลี่ยนแปลงการผลิตตามความต้องการของตลาด นาย ดิงจ่องถิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แสดงความคิดเห็นว่า

“สถานประกอบการต้องเกาะติดและครองตลาดผู้บริโภคภายในประเทศเป็นอย่างดี เพราะว่า เวียดนามมีประชากรถึง 100 ล้านคนที่มีรายได้และความต้องการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ดังนั้น ถ้าหากเราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภาคในประเทศได้ เราก็จะสามารถฟื้นฟูการผลิตได้ นี่คือพลังขับเคลื่อนสำคัญเพื่อให้เราพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต”

แม้ในเวลาที่ผ่านมา สินค้าเวียดนามได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแต่ยังคงต้องรับมืออุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ในขณะที่สินค้าจากต่างประเทศได้รับการนำเข้าและแข่งขันกับสินค้าภายในประเทศหลังจากที่ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆ เช่น ข้อตกลงซีพีทีพีพีและข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ มีผลบังคับใช้ นาย เหงียนแองดึ๊ก นายกสมาคมผู้ขายปลีกเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า นโยบายสนับสนุนสถานประกอบการต่างๆ ของรัฐบาลต้องสร้างแรงกระตุ้นในการบริโภคอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน โดยเฉพาะเน้นผลักดันนโยบายสนับสนุนสถานประกอบการโดยตรง