พลังชีวิตที่อมตะของเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย” ในหัวใจของชาวเวียดนาม

(VOVworld)-ในช่วงเดือนแห่งการต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาเพื่อกู้ชาติก็มีผลงานดนตรีเพื่อการปฏิวัติมากมายได้รับการประพันธ์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารและประชาชนเวียดนาม ซึ่งในนั้นต้องเอ่ยถึงบทเพลง Nhu co Bac trong ngay vui dai thang-หรือแปลว่า ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย ของนักดนตรีฝามเตวียนที่ใช้เวลาประพันธ์ภายในหนึ่งวันก่อนที่ภาคใต้ได้รับการปลดปล่อยเพียงสองวันเท่านั้น

(VOVworld)-ในช่วงเดือนแห่งการต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาเพื่อกู้ชาติก็มีผลงานดนตรีเพื่อการปฏิวัติมากมายได้รับการประพันธ์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารและประชาชนเวียดนาม ซึ่งในนั้นต้องเอ่ยถึงบทเพลง Nhu co Bac trong ngay vui dai thang-หรือแปลว่า ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย ของนักดนตรีฝามเตวียนที่ใช้เวลาประพันธ์ภายในหนึ่งวันก่อนที่ภาคใต้ได้รับการปลดปล่อยเพียงสองวันเท่านั้น ซึ่งบทเพลงนี้มีลีลาแห่งความภาคภูมิใจและบรรยายความรักอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่มีต่อประธานโฮจิมินห์พร้อมการพยากรณ์เกี่ยวกับชัยชนะของประชาชนเวียดนาม

พลังชีวิตที่อมตะของเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย” ในหัวใจของชาวเวียดนาม - ảnh 1
นักดนตรีฝามเตวียน

เพลงประกอบ “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย”

ชาวเวียดนามทั้งประเทศได้รับฟังบทเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย” ผ่านทางสถานีวิทยุพร้อมกับข่าวการปลดปล่อยภาคใต้อย่างสมบูรณ์เมื่อบ่ายวันที่30เมษายนปี1975 ซึ่งเสียงเพลงในวันนั้นเปรียบเสมือนความในใจของชาวเวียดนามหลายล้านคนดังเช่นศิลปีนประชาชน ชู ทวี๊ กวิ่ง ผู้ที่ได้นำเสียงเพลงอันไพเราะมาร่วมสร้างกำลังใจให้แก่กองทัพปลดปล่อยตลอดเส้นทางจากเหนือจรดใต้ในสมัยนั้น“เมื่อลีลาเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย”ดังขึ้นทุกครั้ง ผู้ฟังไม่ว่าจะเป็นชาวเวียดนามหรือมิตรประเทศต่างก็ร้องตามและปรบมือตามจังหวะเพลง ซึ่งไม่มีใครคิดว่าประธานโฮจิมินห์หรือลุงโฮของเรานั้นได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ หากภาพของท่านยังคงยืนอยู่ข้างเราทุกคนเสมอเพื่อร่วมฉลองมหาชัยชนะกับชาวเวียดนามทั้งประเทศ”

สำหรับนักดนตรีฝามเตวียน (Pham Tuyen) ในช่วงปลายเดือนเมษายนปี1975 เขามีแผนที่จะสร้างผลงานดนตรีสำหรับคณะร้องหมู่ที่แบ่งเป็น4หัวข้อคือ ภาคเหนือแผ่นดินเหล็ก ภาคใต้กำแพงเหล็ก โจมตีและลุกขึ้น และมหาชัยชนะ เพื่อเตรียมฉลองวันรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว แต่ช่วงค่ำวันที่28เมษายนเมื่อได้ฟังข่าวจากวิทยุเวียดนามว่าสนามบินเตินเซินเญิตถูกโจมตีเขาก็นึกถึงวันที่ประชาชาติเวียดนามคว้าชัยชนะและคิดถึงลุงโฮพร้อมคำพูดของท่านที่ว่า “เพื่อเอกราชเสรีภาพ ต้องขับไล่อเมริกาและโค่นล้มทางการหุ่น จงเดินหน้าลุกขึ้นพี่น้องชาวเวียดนามทั้งประเทศ เหนือใต้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวคือวสันต์แห่งความสุขเหลือที่จะกล่าว” ซึ่งได้เร่งเร้าใจให้เขาประพันธ์เพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหชัย” ภายในเวลาเพียง2ชั่วโมงของคืนวันนั้น“ตอนเที่ยงวันที่30เมษายนผู้บริหารสถานีวิทยุเวียดนามได้โทรหาผมและบอกว่าเมื่อเวลา11.30นเราได้ปักธงชัยเหนือน่านฟ้าทำเนียบเอกราชแล้ว ภาคใต้ได้รับการปลดปล่อยแล้วดังนั้นต้องเข้าสำนักงานเพื่อหารือกันว่าจะออกอากาศรายการเพลงอย่างไร ซึ่งตอนที่ผมเพิ่งมาถึง บรรณาธิการใหญ่ได้ออกมาถามว่ามีเพลงอะไรเกี่ยวกับชัยชนะไหม แล้วผมก็ตอบว่ามีแค่เพลงเดียวที่เพิ่งเสร็จพร้อมทั้งร้องให้เขาฟัง เขาก็ปรบมือและบอกเลยว่าเพลงนี้พอแล้วรวมทั้งสั่งให้คณะนักร้องของสถานีเตรียมพร้อมฝึกซ้อมเพลงนี้ให้ทันการออกอากาศข่าวชัยชนะในเวลา17.00น.”

พลังชีวิตที่อมตะของเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย” ในหัวใจของชาวเวียดนาม - ảnh 2
บทเพลงดังมีลุงโฮในวันมหาชัยที่ลงในหนังสือพิมพ์
เมื่อ40ปีก่อน

บทเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัย” ได้รับการเผยแพร่สู่ผู้ฟังทั้งในและต่างประเทศและได้รับการตอบรับอย่างเข้มแข็งจากประชาชนทุกเพศทุกวัยจนจำทำนองเนื้อร้องได้ทันที นักข่าวเจิ่นมายแหง อดีตผู้อำนวยการสถานีวิทยุเวียดนามเผยว่า“เมื่อข่าวเกี่ยวกับชัยชนะวันที่30เมษายนพร้อมเพลง “ดังมีลุงโฮในวันมหาชัยดังขึ้นทางสถานีวิทยุ ขณะนั่งรถไปทำข่าวบรรยากาศการฉลองวันแรงงานสากล1พฤษภาคมเป็นครั้งแรกของชาวไซ่ง่อน ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นายฝามเตวียนตอนนั้นอยู่ที่ฮานอยแต่งบทเพลงที่เชื่อมสองภาคของประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว ส่วนผมนั้นอยู่ที่ไซ่ง่อนและก็มีความคิดเรียกเมืองแห่งนี้ว่านครโฮจิมินห์เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นว่าเราทั้งสองได้มีความคิดเหมือนกันดั่งฟ้าลิขิต”

นักดนตรีฝามเตวียนเผยว่า คำว่า “เวียดนาม โฮจิมินห์” และท่อนหนึ่งของเพลงที่ว่า “30ปีแห่งการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชรวมประเทศเป็นปึกแผ่นอย่างสมบูรณ์ 30ปีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตย กระบวนการลุกขึ้นต่อสู้ก็ประสบความสำเร็จ” เหมือนได้มีขึ้นในความคิดของเขามานานแล้วจนเขียนออกมาได้ทันที“ผมรู้สึกในใจว่าเพลงนี้คุ้นมากเหมือนได้ฟังมานานแล้ว ซึ่งมีนักข่าวหลายคนถามผมว่าทำไมถึงได้แต่งเพลงนี้ผมก็บอกว่านี่คือความในใจของผมซึ่งก็เหมือนกับความในใจของชาวเวียดนามในตอนนั้นที่ต้องรอวันชัยชนะมานานแล้ว ผมคิดว่าพลังชีวิตที่อมตะของเพลงมาจากความรักในหัวใจของผมเองและของชาวเวียดนามทั้งปวง”

สำหรับชาวเวียดนามทุกคน ถึงแม้เพลงนี้จะมีเนื้อร้องไม่ยาวแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งและก็เป็นสาส์นแห่งชัยชนะในยุคโฮจิมินห์ที่ส่งถึงมิตรประเทศทั่วโลกและได้สถิตใจของชาวเวียดนามตลอดกาล./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด