การเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามและสหรัฐ
(VOVWORLD) -วันที่ 30 ตุลาคม ณ สำนักงานของกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เจรจากับนาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่กำลังอยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคมเนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 25 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ
นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ รองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามและนาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ (Photo VGP) |
โอกาสนี้ นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ รองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ช่วยเหลือกเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และอุทกภัยในภาคกลางเวียดนามอย่างทันการณ์ โดยเฉพาะวงเงินช่วยเหลือมูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากสำนักงานพัฒนาระหว่างประเทศหรือ USAID พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านกับสหรัฐและชื่นชมการขยายตัวอย่างรอบด้านและน่ายินดีของความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งในด้านการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การค้า ความมั่นคงกลาโหมและการพบปะแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน
ส่วนนาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ชื่นชมการที่ทั้งสองประเทศได้กระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านบนพื้นฐานของการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย การบูรณะภาพแห่งดินแดนและกลไกการเมืองของแต่ละฝ่าย พร้อมทั้งยืนยันว่า สหรัฐสนับสนุนเวียดนามพัฒนาอย่างเข้มแข็ง มีเอกราชและเจริญรุ่งเรือง ซึ่งนับวันมีบทบาทสำคัญมากขึ้นบนเวทีภูมิภาค ตลอดจนให้คำมั่นที่จะธำรงความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและจะร่วมมือกับเวียดนามกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพ ความมั่นคง ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น ความร่วมมือด้านมนุษยธรรม การแก้ไขผลเสียหายจากสงครามและแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ เป็นต้น สำหรับปัญหาระดับภูมิภาคที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ามบิ่งมิงห์ได้เสนอให้สหรัฐสนับสนุนบทบาทการเป็นศูนย์กลางและความสามัคคีของอาเซียนต่อไป ผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน – สหรัฐ ส่วนนาย ไมค์ ปอมเปโอได้ชื่นชมบทบาทของเวียดนามในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 โดยแสดงความปรารถนาว่าทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการประสานงานในการแก้ไขความท้าทายต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมต่อการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก.