การเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรีเวียดนามจะช่วยผลักดันความร่วมมือทวิภาคี
(VOVWORLD) -ในโอกาสการเยือสหรัฐของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุกในระหว่างวันที่29-31พฤษภาคม สื่อต่างๆของสหรัฐได้ลงบทความเกี่ยวกับการเยือนดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยในการพบปะกับปัญญาชนเวียดนามที่อาศรัยในประเทศสหรัฐ |
โดยหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันไทมส์ฉบับวันที่29พฤษภาคมได้ลงบทวิเคราะห์ที่พาดหัวว่า “ระเบียบวาระการประชุมระหว่างเวียดนามกับสหรัฐจะผลักดันความร่วมมือทวิภาคี” โดยประเมินว่า การเยือนครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้แก่ทั้งสองฝ่ายในการหารือเกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัตินโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้าและปัญหาในภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน โดยทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวของประชาชนทั้งสองประเทศในสภาวการณ์ที่ทางการชุดใหม่ของสหรัฐมีการปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศ พร้อมทั้ง ให้ข้อสังเกตว่า การเยือนสหรัฐครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้นและความสัมพันธ์ร่วมมือในด้านการค้า การศึกษา ความมั่นคง กลาโหมและการเดินเรือทะเล
ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ Asiaplomacy.comได้ลงบทความที่พาดหัวว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดหน้าใหม่ด้านความสัมพันธ์กับเวียดนาม”ของดอกเตอร์ Lisa Williams อดีตหัวหน้ากลุ่มผู้ช่วยส.ส.สหรัฐของคณะอนุกรรมาธิการเอเชีย-แปซิฟิกและสิ่งแวดล้อมโลกสังกัดสภาล่างสหรัฐ โดยเผยว่า การที่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้าร่วมการประชุมผู้นำฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปคที่จะมีขึ้นที่ประเทศเวียดนามในเดือนพฤศจิกายนนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยนาย โดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางมาเยือนเวียดนามในปีแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทางการสหรัฐชื่นชมความสัมพันธ์กับเวียดนาม ในจดหมายที่ส่งถึงประธานประเทศเวียดนาม ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้แสดงความประสงค์ที่จะขยายความร่วมมือทวิภาคีในด้านเศรษฐกิจ การค้าและปัญหาต่างๆในภูมิภาคและโลก นี่เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับการแก้ไขผลเสียหายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินในเวียดนามและผลักดันความสัมพันธ์ด้านกลาโหม
ในโอกาสนี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันไทมส์ฉบับวันที่30พฤษภาคมได้ลงสาส์นของนายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกว่า เวียดนามมีความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยไม่เพียงแต่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศเท่านั้นหากยังเพื่อผลประโยชน์ของทั้งประชาคมอาเซียน เพื่อสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ ความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและโลกอีกด้วย ผลความร่วมมือระหว่างสองประเทศในตลอด20ปีที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง.