กล่าวปราศรัยในพิธีนี้ นายกฯเหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า ชัยชนะด่งหลกเป็นชัยชนะของความรักชาติอันแรงกล้าและความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างกล้าหาญของประชาชาติเวียดนาม เป็นชัยชนะของขบวนการปฏิวัติแห่งเอกราชและสังคมนิยม ของแนวทางการต่อสู้กู้ชาติที่ยาวนานและรอบด้านโดยอาศัยพลังของประชาชนทั้งมวลบวกกับพลังของยุคสมัยแห่งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ความเสียสละเลือดเนื้อของวีรชนในอดีตได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติและถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม เป็นความภาคภูมิใจและสร้างขวัญกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ชาวเวียดนามรุ่นต่างๆในภารกิจการพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศและพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของปิตุภูมิ

นายกฯได้กำชับให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆรวมทั้งองค์กรสังคมและประชาชนทุกภาคส่วนจงร่วมใจดูแลเอาใจใส่ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวทหารพลีชีพ ทหารทุพพลภาพ ทหารเจ็บป่วยและทหารผ่านศึกรวมถึงผู้ที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติทุกคนให้ดียิ่งขึ้น “ประเทศต้องผ่านช่วงสงครามมาหลายครั้ง มีชาวเวียดนามจำนวนมากต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องปิตุภูมิให้มั่นคง ซึ่งนับเป็นความเสียสละที่ไม่มีอะไรชดเชยได้หมดดังนั้นพวกเราต้องตระหนักถึงคุณค่าของเอกราช เสรีภาพและสันติภาพ สำนึกในบุญคุณของทหารพลีชีพ ทหารผ่านศึก ทหารทุพพลภาพและผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติ ต้องดำเนินชีวิตให้สมกับความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของวีรชนและพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างเสริมความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจพัฒนาประเทศเวียดนามให้เจริญสวยงามยิ่งขึ้น” ในโอกาสนี้ นายกฯได้เดินทางไปจุดธูปสักการะทหารและเยาวชนอาสาพลีชีพที่สามแยกด่งหลก.

ในขณะเดียวกันคณะบริหารดูแลเขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์สามแยกด่งหลกเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเกือบ2แสนคนได้มาจุดธูปสักการะเพื่อรำลึกทหารพลีชีพที่ด่งหลก โดยเฉพาะในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแต่ละวันมีผู้ที่เข้าจุดธูปสักการะประมาณ3พันคนต่อวัน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

เพื่อเตรียมพร้อมให้แก่กิจกรรมรำลึกชัยชนะด่งหลก ทางคณะกรรมการบริหารเขตโบราณสถานแห่งนี้ได้ปฏิบัติการซ่อมแซมกิจการต่างๆ จัดเตรียมกองกำลังเจ้าหน้าที่ทำงานตลอดเวลาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาสักการะ.